วันที่ 7 ตุลาคม 2566 สำนักข่าว Voice of America สหรัฐอเมริกา เสนอข่าว Chinese Investors, Pinched at Home, Buy Less Property in Thailand ระบุว่า ปัญหาเศรษฐกิจภายในของจีนโดยเฉพาะในแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลกระทบต่อเม็ดเงินลงทุนของชาวจีนต่อวงการอสังหาริมทรัพย์ในไทย โดยพบการซื้อคอนโดมิเนียมและอพาร์ตเมนท์ลดลง ซึ่งเป็นที่รับรู้กันว่า หลายปีที่ผ่านมา ชาวจีนใช้เงินออมร้อยละ 70 ลงทุนด้วยการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทย
คาชีฟ อันซารี (Kashif Ansari) ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Juwai IQI Group ซึ่งเป็นบริษัทการตลาดด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ช่วยเชื่อมโยงผู้ซื้อชาวจีนกับอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) กล่าวว่าแนวโน้มดังกล่าวกำลังลดลงแล้ว ในปีไทยไม่ใช่จุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งสำหรับผู้ซื้อชาวจีนเหมือนเช่นปีก่อนๆ อีกต่อไป แต่ตกลงไปอยู่ในอันดับที่ 5 ส่วนจุดหมายปลายทาง 4 อันดับแรกล้วนแต่เป็นประเทศที่พูดภาษาอังกฤษแบบดั้งเดิมและมีภาคการศึกษาอันทรงเกียรติ
ไทยเป็นประเทศอันดับต้นๆ ของจีนที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยตั้งแต่ปี 2561-2564 ตามรายชื่อ 10 ประเทศที่ผู้ซื้อชาวจีนต้องการมากที่สุด แต่ภายในปี 2565 ได้ตกลงมาอยู่อยู่ในอันดับที่ 4 และล่าสุดในครึ่งแรกของปี 2566 ร่วงไปอยู่ในอันดับ 5 ขณะที่ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย ยังพบว่า ผู้ซื้อชาวจีนเป็นกลุ่มชาวต่างชาติที่ซื้อคอนโดมิเนียมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยนับตั้งแต่ปี 2561 โดยซื้อ 3,562 ยูนิต มูลค่ามากกว่า 511 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565
ข้อมูลจาก Juwai IQI ชี้ว่า สี่ประเทศที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่ผู้ซื้อชาวจีนในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 ได้แก่ ออสเตรเลีย แคนาดา อังกฤษและสหรัฐอเมริกา อันซารี อธิบายว่า ชาวจีนที่ซื้อบ้านในออสเตรเลียนั้นเพื่อย้ายไปอาศัยอยู่ที่นั่นอย่างถาวร อีกทั้งกำลังอยู่บนเส้นทางสู่การเป็นพลเมืองออสเตรเลียรายใหม่ ผู้ซื้อหลายรายที่ตนร่วมงานด้วยเป็นนักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่ในประเทศปลายทางหรือกำลังวางแผนที่จะย้ายไปอยู่ประเทศนั้นและซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัย ในขณะที่ชาวจีนที่ซื้อที่อยู่อาศัยในไทยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุน
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ประเทศเพื่อนบ้านของไทยอย่างวียดนาม ซึ่งอยู่ในอันดับ 9 ตามข้อมูลของ Juwai IQI นั้นพึ่งพานักลงทุนจีนน้อยกว่าไทย โดย Nguyen Thanh Nga ประธานบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ Global Green Real Estate ในเมืองโฮจิมินห์ กล่าวว่า นักลงทุนชาวจีนส่วนใหญ่สนใจอพาร์ทเมนท์ในเมืองใหญ่ทั้งในกรุงฮานอยและเมืองโฮจิมินห์ และความล้มเหลวในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนไม่ส่งผลกระทบต่อเวียดนาม การลงทุนจากนักลงทุนจีนยังคงมีเสถียรภาพ
Su Ngoc Khuong ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการลงทุนของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ Savills Vietnam ในโฮจิมินห์ กล่าวว่า เวียดนามไม่ได้พึ่งพาผู้ซื้อชาวจีนมากนัก โดยผู้ซื้อชาวต่างชาติที่ใช้บริการบริษัทของตนมาจากสหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกงและสิงคโปร์ ทั้งนี้ จากการศึกษาของ Charles Schwab ซึ่งเป็นสถาบันการเงินขั้นสูงแห่งเซี่ยงไฮ้และบริษัทการเงินขั้นสูงแห่งมหาวิทยาลัย Shanghai Jiaotong พบว่า ความเชื่อมั่นทางการเงินโดยรวมในหมู่ชาวจีนที่ร่ำรวยมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นลดลงเล็กน้อยในปี 2566 ส่งผลให้พวกเขาต้องชะลอการซื้อของระดับไฮเอนด์
ปัญหาเศรษฐกิจที่เกี่ยวพันกันของจีน เช่น อัตราการว่างงานของคนรุ่นใหม่ที่สูงจนรัฐบาลแดนมังกรหยุดเผยแพร่รายงานดังกล่าวเมื่อเดือน ส.ค. 2566 ขณะที่ในเดือรเดียวกันการส่งออกก็ลดลงร้อยละ 8.8 การบริโภคภาคครัวเรือนที่หดตัวลงซึ่งกระตุ้นให้เกิดภาวะเงินฝืด และวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ครั้งใหญ่ได้นำไปสู่การคาดเดาว่า ก้าวต่อไปในจีน การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ร้อนแรงมานานหลายทศวรรษอาจชะงักงัน ซึ่งปัญหาทางการเงินบนเผ่นดินเกิดทำให้ผู้ซื้อชาวจีนลังเลกับการลงทุนของไทย
ซิน ฉุย (Xin Qui) เป็นผู้ก่อตั้ง Taiheju ซึ่งเป็นบริษัทตัวแทนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับลูกค้าชาวจีนที่ต้องการเช่าหรือลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ กล่าวว่า ในช่วงพีคที่สุดของปี 2561 บริษัทของตนใช้เวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ในการ “ปิดดีล” หรือภายใน 1 สัปดาห์หากลูกค้าเข้ามาดูทรัพย์สิน แต่ตอนนี้ต้องใช้เวลาเป็นหลักเดือน
ประชัน ปรเมศวรัญ (Prashanth Parameswaran) นักวิชาการพันธมิตรของ วิลสัน เซ็นเตอร์ (Wilson Center) และผู้ก่อตั้งจดหมายข่าวอาเซียนวิร์ครายสัปดาห์ กล่าวว่า เรากำลังเห็นการปรับเทียบความเป็นจริงทางเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 อีกครั้ง และนั่นรวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนในปัจจุบัน การดำเนินการนี้จะดำเนินต่อไปในระยะยาวหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการกระทำของนักลงทุนจีนรายอื่นๆ ในอนาคต และสิ่งที่รัฐในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สามารถทำได้เพื่อจัดการกับผลกระทบนี้ทั้งกับจีนและแหล่งการลงทุนที่มีศักยภาพอื่นๆ
ขอบคุณเรื่องจาก
https://www.voanews.com/a/chinese-investors-pinched-at-home-cut-back-buying-in-thailand/7300670.html
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี