สิ้น'เฮนรี คิสซิงเจอร์'ผู้ทรงอิทธิพลการต่างประเทศสหรัฐฯ เสียชีวิตในวัย 100 ปี

สิ้น'เฮนรี คิสซิงเจอร์'ผู้ทรงอิทธิพลการต่างประเทศสหรัฐฯ เสียชีวิตในวัย 100 ปี

วันพฤหัสบดี ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566, 11.41 น.

30 พ.ย. 2566 สำนักข่าวรอยเตอร์ เสนอข่าว Henry Kissinger, American diplomat and Nobel winner, dead at 100 ระบุว่า เฮนรี คิสซิงเจอร์ (Henry Kissinger) ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายการต่างประเทศและความมั่นคงระหว่างประเทศ เสียชีวิตแล้วในวัย 100 ปี ที่บ้านพักในมลรัฐคอนเนตทิคัต สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2566 ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตลอดชีวิตการทำงาน คิสซิงเจอร์ มีบทบาทสำคัญอย่างมากในด้านนโยบายดังกล่าวของสหรัฐฯ 

ย้อนไปในทศวรรษ 1970 (ปี 2513-2522)  ริชาร์ด นิกสัน (Richard Nixon) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในขณะนั้น ได้รับคำแนะนำจาก คิสซิงเจอร์ ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้ฟื้นฟูความสัมพันธ์กับจีน นอกจากนั้น ยังมีส่วนร่วมกับการเจรจาสันติภาพระหว่างเวียดนามเหนือกับฝรั่งเศส ระหว่างอิสราเอลกับประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นชาวอาหรับ การเจรจาทำข้อตกลงควบคุมอาวุธระหว่างสหรัฐฯ กับสหภาพโซเวียต 


และแม้ นิกสัน จะลาออกจากตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ แต่ คิสซิงเจอร์ ก็ยังมีบทบาทในฐานะผู้มีอิทธิพลทางความคิดตลอดมา โดยเคยเตือนรัฐสภาสหรัฐฯ ถึงภัยคุกคามจากอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ รวมถึงล่าสุดเมื่อเดือน ก.ค. 2566 เขายังเดินทางไปประเทศจีน และได้พบกับ สีจิ้นผิง (Xi Jinping) ประธานาธิบดีของจีน นอกจากนั้น คิสซิงเจอร์ ยังมีผลงานการเขียนหนังสือเกี่ยวกับคุณสมบัติของความเป็นผู้นำอีกด้วย

แต่อีกด้านหนึ่ง เฮนรี คิสซิงเจอร์ ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการปล่อยให้รัฐบาลสหรัฐฯ สนับสนุนผู้นำเผด็จการในประเทศต่างๆ ตราบใดที่ผู้นำเผด็จการเหล่านั้นช่วยเหลือสหรัฐฯ ต่อสู้กับการแผ่ขยายอิทธิพลของลัทธิคอมมิวนิสต์ ในช่วงสงครามเย็น (ช่วงปี 2490-2534) โดยเฉพาะในภูมิภาคลาตินอเมริกา (ทวีปอเมริกากลางและอเมริกาใต้) ทำให้การเดินทางไปต่างประเทศของเขาทำได้จำกัด เพราะหลายชาติต้องการตั้งคำถามกับเขาโดยตรงเกี่ยวกับนโยบายการต่างประเทศของสหรัฐฯ ในยุคนั้น

ในปี 2516  คิสซิงเจอร์ ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ คู่กับ เล ดึ๊ก เถาะ (Le Duc Tho) สมาชิกอาวุโสของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม (ขณะนั้นยังเป็นเวียดนามเหนือ) และนี่คือการมอบรางวัลระดับโลกที่เกิดข้อถกเถียงมากที่สุด คณะกรรมการผู้ตัดสินมอบรางวัล 2 คน ลาออก และสหรัฐฯ ถูกตั้งคำถามเรื่องปฏิบัติการลับของสหรัฐฯ ในการทิ้งระเบิดที่กัมพูชา ขณะที่ เล ดึ๊ก เถาะ ปฏิเสธการรับรางวัลดังกล่าว

เจอร์รัลด์ ฟอร์ด (Gerald Ford) อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ เคยกล่าวถึง คิสซิงเจอร์ ว่า เป็น “สุดยอดรัฐมนตรีต่างประเทศ” แต่ก็กล่าวถึงบุคลิกที่ห้าวหาญและมั่นใจในตนเองของ คิสซิงเจอร์ เช่นกัน ซึ่งบุคลิกแบบนั้นทำให้ คิสซิงเจอร์ ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นพวกถือตัว (Egotism) ทั้งนี้ พื้นเพของ เฮนรี คิสซิงเจอร์ เป็นชาวเยอรมันเชื้อสายยิวที่อพยพข้ามน้ำข้ามทะเลมาเติบโตในสหรัฐฯ โดยเขาเกิดเมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2466 ที่เมืองเฟิร์ธ ประเทศเยอรมนี และย้ายไปอยู่สหรัฐฯ ในปี 2481 ก่อนหน้าที่พรรคนาซีซึ่งปกครองเยอรมนี จะเริ่มนโยบายกวาดล้างชาวยิวเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น

ในปี 2486 ซึ่งเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 คิสซิงเจอร์ เข้าเป็นทหารสหรัฐฯ และได้รับทุนการศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด จนจบ ป.โท และ ป.เอก ในปี 2495 และ 2497 ตามลำดับ ขณะที่ในปี 2515 ซึ่งเป็นยุคสงครามเวียดนาม และสหรัฐฯ ได้ส่งทหารจำนวนมากไปรบเพื่อต่อต้านเวียดนามเหนือที่เป็นฝ่ายคอมมิวนิสต์ คิสซิงเจอร์ กล่าวว่า สันติภาพอยู่ใกล้แค่เอื้อม จากนั้น สนธิสัญญาปารีส ได้บรรลุข้อตกลงในเดือน ม.ค. 2516 อย่างไรก็ตาม ในปี 2518 หรืออีก 2 ปีต่อมา เวียดนามเหนือก็เข้าครอบครองพื้นที่เวียดนามใต้ เป็นจุดสิ้นสุดของสงครามเวียดนาม

ในสมัย ปธน.นิกสัน เฮนรี คิสซิงเจอร์ มองเห็นโอกาสของสหรัฐฯ ในการลดทอนอิทธิพลของสหภาพโซเวียต หากสหรัฐฯ สามารถฟื้นความสัมพันธ์กับจีนได้ และได้ผลักดันจนได้เข้าพบกับ โจวเอินไหล (Zhou Enlai) นายกรัฐมนตรีของจีน ตามด้วยการเกิดภาพประวัติศาสตร์ ในการประชุมร่วมกันระหว่าง นิกสัน กับ เหมาเจ๋อตุง (Mao Zedong) ผู้นำสูงสุดของจีนในขณะนั้น เป็นการเปิดฉากความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศอย่างเป็นทางการ

ส่วนเหตุการณ์ที่ทำให้ คิสซิงเจอร์ ถูกวิพากษ์วิจารณ์ เช่น ในปี 2513 เขาร่วมวางแผนกับสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (CIA) เพื่อโค่นล้ม ซัลวาดอร์ อัลเลนเด (Salvador Allende) นักการเมืองฝ่ายซ้ายที่ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในประเทศชิลี หรือการให้ความเห็นเกี่ยวกับการรัฐประหารในอาร์เจนตินา เมื่อปี 2519 ด้วยว่าเผด็จการทหารควรได้รับการสนับสนุน

บทบาทของ เฮนรี คิสซิงเจอร์ ต่อรัฐบาลสหรัฐฯ ลดลง ตั้งแต่ยุคสมัยของประธานาธิบดี จิมมี คาร์เตอร์ (Jimmy Carter) จากพรรคเดโมแครต ขณะที่ โรนัลด์ เรแกน (Ronald Reagan) ประธานาธิบดีคนถัดมา จากพรรครีพับลิกัน ก็ตีตัวออกห่างเพราะมองว่า แนวคิดของ คิสซิงเจอร์ ไม่สอดคล้องกับนโยบายอนุรักษ์นิยมของเรแกน แต่ถึงกระนั้น บริษัทที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์ ที่คิสซิงเจอร์ ก่อตั้งขึ้นภายหลังออกจากทำเนียบขาว ก็ยังคงมีอิทธิพลอยู่มากในการให้คำแนะนำกับบริษัทเอกชนชั้นนำระดับโลก รวมถึงตัวเขายังเขียนหนังสือและให้ความเห็นผ่านสื่ออยู่เป็นระยะๆ

ขอบคุณเรื่องจาก reuters

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top