ปอร์โตแปรงซ์ (รอยเตอร์ส) - การเมืองของ เฮติอยู่ในสภาพที่สั่นคลอนอย่างหนัก จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่านายกรัฐมนตรีจะเดินทางกลับประเทศหรือไม่ ในขณะที่กลุ่มแก๊งอาชญากรขู่เกิดสงครามกลางเมืองและฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ถ้านายกรัฐมนตรีไม่ลาออก

จิมมี เชอริซิเยร์ ฉายา “บาร์บีคิว” หัวหน้ากลุ่มอาชญากรในเฮติ แถลงข่าวที่กรุงปอร์โตแปรงซ์ เมืองหลวงเฮติ เมื่อวันอังคารที่ 5 มี.ค. ระบุว่า เฮติจะเข้าสู่สงครามการเมือง ที่จะจบลงด้วยการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ หากนายกรัฐมนตรี แอเรียล อองรี ของเฮติ ยังอยู่ในอำนาจ และสหพันธ์ที่รวมกลุ่มอาชญากรเฮติหลายกลุ่ม จะสู้เพื่อโค่นอองรีลงจากอำนาจให้ได้ และจะสถาปนาระบบใหม่ในเฮติ สำหรับ เชอริซิเยร์ วัย 46 ปี เป็นอดีตนายตำรวจของเฮติ แต่เขาถูกกล่าวหาจากสหประชาชาติว่า มีบทบาทในการสังหารหมู่หลายครั้ง ครั้งที่รุนแรงที่สุดคือการวางเพลิงเผาบ้านกว่า 400 หลัง ในกรุงปอร์โตแปรงซ์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 70 คน ในปี 2018

สถานการณ์ความมั่นคงในเฮติเข้าขั้นวิกฤตเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว ในขณะที่อองรีกำลังเดินทางเยือนเคนยา เพื่อทำข้อตกลงส่งทหารนานาชาติภายใต้การสนับสนุนของสหประชาชาติ เข้าสู่เฮติ เพื่อช่วยปราบกลุ่มอาญากรและฟื้นความสงบเรียบร้อยในเฮติ โดยเกิดเหตุกลุ่มอาชญากรรมบุกปล้นคุก 2 แห่ง ทำให้นักโทษแหกคุกหนีออกไปหลายพันคน ทำให้รัฐบาลเฮติต้องประกาศภาวะฉุกเฉินเมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 มี.ค. หลังประกาศภาวะฉุกเฉิน ทำให้เฮติเป็นอัมพาต ธุรกิจหยุดชะงัก รวมไปถึงสนามบินหลายแห่งปิด เนื่องจากมีเสียงปืนดังระรัวใกล้กับสนามบินต่างๆ ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี อองรี ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีเฉพาะกาลของเฮติก็ยังไม่เดินทางกลับประเทศ แต่ล่าสุด มีความชัดเจนขึ้นเมื่อเขาได้เดินทางไปยังเปอร์โตริโกแล้ว โดยทางการเปอร์โตริโกยืนยันว่าอองรีเดินทางมาถึงกรุงซานฮวนในวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น หลังจากมีรายงานของสื่อท้องถิ่นที่ระบุว่า ทางการสาธารณรัฐโดมินิกัน ไม่ยอมให้เครื่องบินของอองรีลงจอดบนเกาะฮิสปานิโอลาซึ่งโดมินิกันถือครองกรรมสิทธิ์ร่วมกับเฮติ ก่อนหน้านี้ อองรีเคยรับปากว่าจะลาออกในเดือนกุมภาพันธ์ แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ลาออกโดยเจ้าตัวอ้างเหตุผลเรื่องความมั่นคงของชาติ

เมื่อปลายเดือนที่แล้ว สหประชาชาติระบุว่ามี 5 ประเทศ ในลาตินอเมริกาและแคริบเบียนที่รับปากจะส่งทหารเข้าในกองกำลังนานาชาติเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในเฮติ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการกำหนดวันเวลาว่า จะส่งทหารเข้ามาในเฮติได้เมื่อใด ขณะที่สถานการณ์รุนแรงที่ลากยาวมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วทำให้ชาวเฮติต้องล้มตายไปแล้วเกือบ 5,000 คน และต้องละทิ้งบ้านเรือนเพื่อหนีตายอีกราว 300,000 คน