ลอสแองเจลิส (รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์)-Oppenheimer ภาพยนตร์ทำเงินว่าด้วยเรื่องราวของนักฟิสิกส์ที่ต้องเร่งคิดค้นระเบิดปรมาณูลูกแรกของโลกเพื่อยุติสงครามโลกครั้งที่ 2 คว้ารางวัลทั้งหมด 7 สาขา รวมถึงสาขาใหญ่อย่างรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม บนเวทีการประกาศผลออสการ์ ครั้งที่ 96 เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาตามเวลาในสหรัฐฯ

การประกาศผลรางวัลรางวัล อคาเดมี อวอร์ด หรือออสการ์ 2024 จัดโดยสถาบันแห่งศิลปะและวิทยาการภาพยนตร์ ซึ่งปีนี้เป็นครั้งที่ 96 จัดขึ้นที่โรงละครดอลบี เธียเตอร์ในนครลอสแองเจลิส ในคืนวันอาทิตย์ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐฯ ซึ่งตรงกับเช้าวันที่ 11 มี.ค. ตามเวลาในบ้านเรา พิธีกรยังคงเป็น จิมมี คิมเมล ที่มารับหน้าที่ดำเนินรายการอีกครั้ง ซึ่งผลการประกาศรางวัลในปีนี้ก็ไม่พลิกโผ เพราะ Oppenheimer ซึ่งได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงทั้งหมด 13 สาขา สามารถกวาดไปได้ถึง 7 รางวัล รวมถึงรางวัลใหญ่ทั้งสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ผู้กำกับยอดเยี่ยม จากคริสโตเฟอร์ โนแลน นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก คิลเลียน เมอร์ฟี และนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม จาก โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ นอกจากนี้ยังคว้ารางวัลสาขากำกับภาพยอดเยี่ยม ตัดต่อยอดเยี่ยม และดนตรีประกอบยอดเยี่ยม

ภาพยนตร์ความยาว 3 ชั่วโมงเรื่องนี้ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของนักฟิสิกส์คนหนึ่ง ที่ต้องเร่งคิดค้นระเบิดปรมาณูลูกแรกของโลกเพื่อยุติสงครามโลก ครั้งที่ 2 ยังทำให้ทั้ง โนแลน, เมอร์ฟี และดาวนีย์ จูเนียร์ ได้รับรางวัลออสการ์เป็นครั้งแรกในชีวิต โนแลนเป็นที่รู้จักจากผลงานหลายเรื่อง เช่น The Dark Night และ Inception ส่วนเมอร์ฟี เป็นนักแสดงชาวไอริชที่แสดงให้กับโนแลนหลายเรื่อง ขณะที่ ดาวนีย์ จูเนียร์ ที่ผู้คนจดจำในบท Iron Man เคยได้รับการเสนอชื่อชิงออสการ์ในปี 1993

ขณะภาพยนตร์ที่เป็นอีกหนึ่งตัวเต็งของปีนี้อย่าง Poor Things ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเช่นกัน เพราะสามารถกวาดไปได้หลายรางวัล โดย เอ็มมา สโตน นักแสดงนำของเรื่อง ที่คว้ารางวัลนักแสดงนำหญิงในปีนี้ไปครองได้สำเร็จ รวมทั้งยังคว้ารางวัลการออกแบบโปรดักชั่นยอดเยี่ยม, เครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม และแต่งหน้าทำผมยอดเยี่ยม

ขณะที่ ดาไวน์ จอย แรนดอล์ฟ คว้ารางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง The Holdovers ส่วนรางวัลภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยมตกเป็นของภาพยนตร์เรื่อง The Zone of Interest จากสหราชอาณาจักรและรางวัลภาพยนตร์แอนิเมชั่นยอดเยี่ยม ได้แก่ The Boy and the Heron