ปารีส (เอพี/รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์) - ผลเลือกตั้งทั่วไปรอบสองของฝรั่งเศสอย่างไม่เป็นทางการ ออกมาพลิกโผ กลุ่มพันธมิตรฝ่ายซ้ายมีแนวโน้มชนะเลือกตั้ง
แม้จะไม่ได้ สส.เสียงข้างมากเด็ดขาด ส่วนพรรคเนชั่นแนล แรลลี หรืออาร์เอ็น พรรคขวาจัดตัวเต็งหล่นไปอยู่อันดับ 3 ตามหลังพันธมิตรรัฐบาลสายกลางของประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง

ผลการนับคะแนนการเลือกตั้งสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ หรือสภาผู้แทนราษฎรของฝรั่งเศสรอบสองที่ปิดหีบไปเมื่อกลางดึกคืนวันจันทร์ที่ผ่านมาตามเวลาในบ้านเรา ท่ามกลางการลุ้นจากหลายฝ่ายว่า พรรค เนชั่นแนล แรลลี หรืออาร์เอ็น ซึ่งเป็นพรรคขวาจัดจะคว้าชัยอีกครั้งหรือไม่ หลังได้ชัยชนะในการเลือกตั้งรอบแรกเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน จนเกิดความหวาดหวั่นว่า ฝรั่งเศสจะมีรัฐบาลขวาจัดเป็นครั้งแรกนับจากสงครามโลกครั้งที่ 2

อย่างไรก็ดี ผลโพลล์สำรวจคะแนนนอกคูหาเลือกตั้ง หรือเอ็กซิตโพล ที่จัดทำโดยสำนักจัดทำโพลล์หลายแห่งให้กับหลายสื่อในฝรั่งเศสชี้ไปในทางเดียวกันว่า แนวร่วมประชาชนใหม่ หรือ เอ็นเอฟพี ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรฝ่ายซ้าย น่าจะชนะเลือกตั้งได้เก้าอี้สมาชิกสมัชชาแห่งชาติ หรือ สส.มากที่นั่งที่สุดแบบคาดไม่ถึง แม้จะไม่ได้ชนะเลือกตั้งได้ สส.มากถึง 289 ที่นั่งเพื่อครองเสียงข้างมากเด็ดขาดก็ตาม โดยน่าจะได้ที่นั่งสส.ระหว่าง 177-192 ที่นั่ง ถือว่ามากที่สุด แม้จะไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เนื่องจากกลุ่มที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้จะต้องได้รับที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร อย่างน้อย 289 ที่นั่งหรือมากกว่ากึ่งหนึ่ง ของที่นั่งทั้งหมด 577 ที่นั่ง

ขณะที่กลุ่มพันธมิตรมาครง หรือ พันธมิตรฝ่ายกลาง ที่ได้คะแนนเป็นอันดับ 3 ในการเลือกตั้งรอบแรกก็ทำได้ดีขึ้นในการเลือกตั้งรอบนี้ และทำให้คว้าที่นั่งในสภาผู้แทนฯ ได้มากเป็นอันดับ 2 คาดว่าจะได้ที่นั่งระหว่าง 152-158 ที่นั่ง ส่วนกลุ่มพันธมิตรฝ่ายขวา หรืออาร์เอ็น ที่ชนะเลือกตั้งรอบแรก กลับพลาดท่าในการเลือกตั้งรอบ 2 คว้าที่นั่งในสภาผู้แทนฯ ฝรั่งเศส ได้มากเป็นอันดับที่ 3 คาดว่าจะได้ที่นั่งระหว่าง 138-145 ที่นั่ง

การทำผลงานได้ดีในการเลือกตั้งรอบสองของพันธมิตรฝ่ายซ้ายและพันธมิตรสายกลางของประธานาธิบดีมาครง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากกลยุทธ์สร้างพันธมิตรลงคะแนนต้านอาร์เอ็นของพรรคฝ่ายซ้ายและสายกลาง ด้วยการยอมถอนผู้สมัครจากการแข่งขันแบบ 3 ทาง โดยคงผู้สมัครที่มีแนวโน้มชนะเลือกตั้งไว้หนึ่งคน เพื่อไม่ให้เกิดการแย่งคะแนนเลือกตั้งกันเอง และสกัดผู้สมัครพรรคอาร์เอ็นไปในตัว

ขณะที่หนึ่งในเบื้องหลังความสำเร็จในการคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ของกลุ่มพันธมิตรฝ่ายซ้ายนั้น คือนโยบายต่างๆ ที่พวกเขาได้นำเสนอระหว่างหาเสียง นั่นก็คือ พวกเขาได้ให้ความสำคัญกับเรื่องเศรษฐกิจ โดยได้ให้คำมั่นว่าจะเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำรายเดือนจากเดิมที่เฉลี่ยอยู่ราวๆ 1,400 ยูโร (ประมาณ55,000 บาท) เป็น 1,600 ยูโร (ราว 63,000 บาท)และจะจำกัดราคาสินค้าประเภทอาหารที่จำเป็นรวมไปถึง ไฟฟ้า น้ำมัน และก๊าซ นอกจากนี้ พวกเขายังให้สัญญาว่าจะยกเลิกการปฏิรูประบบบำนาญของมาครง ที่ขยับเพิ่มอายุเกษียณจาก 62 ปี เป็น 64 ปี ที่ก่อนหน้านี้เคยถูกคัดค้านจากประชาชนจำนวนมาก

ด้าน กาเบรียล อัตตาล วัย 35 ปี นายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดและเป็นนายกรัฐมนตรีที่ประกาศตัวเป็นเกย์อย่างเปิดเผยคนแรก ของฝรั่งเศส แถลงจะยื่นหนังสือลาออกต่อประธานาธิบดีมาครงในวันจันทร์ตามวันเวลาท้องถิ่น และว่าเขาจะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตราบเท่าที่จำเป็น

อย่างไรก็ดี หากผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการยืนยันตามนี้ จะทำให้ฝรั่งเศสเข้าสู่ภาวะ สภาแขวน (hung parliament) หรือการที่รัฐบาลมีเสียงข้างน้อยในสภา และเป็นอุปสรรคต่อการบริหารงานและการผลักดันกฎหมาย อีกทั้งสภาของฝรั่งเศสยังจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ขั้วใหญ่ คือ ฝ่ายซ้าย สายกลาง และฝ่ายขวา ที่ต่างมีนโยบายและแนวทางเคลื่อนไหวทางการเมืองที่แตกต่างกัน

ขณะที่ประชาชนจำนวนมากต่างออกมาชุมนุมในหลายเมืองใหญ่ทั่วประเทศ รวมถึงในกรุงปารีส เพื่อแสดงความยินดีกับชัยชนะของพรรคฝ่ายซ้าย อย่างน้อยก็ช่วยสกัดกั้นไม่ให้พรรคขวาจัดขึ้นครองอำนาจบริหารประเทศ ที่กลุ่มต่อต้านขวาจัดมองว่าจะทำให้บ้านเมืองเข้าสู่ยุคสับสนและความวุ่นวาย ขณะที่แกนนำพรรคอาร์เอ็น ทั้งมารีน เลอ เปน อดีตประธานพรรค และ ฌอร์ด็องบาเดลญา ประธานพรรคนปัจจุบัน มองว่าพรรคอาร์เอ็นแพ้การเลือกตั้งเพราะถูกรุมกินโต๊ะเล่นงานด้วยวิธีสกปรก จนทำให้ฝรั่งเศสต้องสูญเสียโอกาสไปอีกอย่างน้อยหลายปี อย่างไรก็ดี เลอแปน เอง ก็เตรียมที่จะเป็นตัวแทนของ RN ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสในปี 2027 และเธอก็ยังคงมั่นใจว่า ชัยชนะของเธอไม่ได้หายไปไหน แต่เพียงแค่ถูกเลื่อนระยะเวลาออกไปเท่านั้น