พบแปลงดินขนาดใหญ่ใน'ซีเรีย' คาดใช้เป็นสุสานฝังเหยื่อ‘สังหาร-อุ้มหาย’นับแสนราย

พบแปลงดินขนาดใหญ่ใน'ซีเรีย' คาดใช้เป็นสุสานฝังเหยื่อ‘สังหาร-อุ้มหาย’นับแสนราย

วันพุธ ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2567, 12.34 น.

18 ธ.ค. 2567 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว Syrian mass graves expose "machinery of death" under Assad, top prosecutor says อ้างคำกล่าวของ สตีเฟน แรปป์ (Stephen Rapp) อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ด้านอาชญากรรมสงครามในสำนักงานยุติธรรมทางอาญาระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่ระบุว่า หลักฐานที่ปรากฏในหลุมศพหมู่ในซีเรียได้เปิดเผย “การสังหารอย่างเป็นระบบ” ที่ดำเนินการโดยรัฐบาลภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด (Bashar al-Assad) ที่เพิ่งถูกโค่นอำนาจเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

แรปป์ ซึ่งได้ลงพื้นที่บริเวณที่เป็นจุดฝังร่างผู้คนจำนวนมาก 2 แห่ง ในเมืองคูไตฟาห์ (Qutayfah) และ นัจฮา (Najha) ใกล้กับกรุงดามัสกัส ให้ข้อมูลเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2567 ว่า ตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา น่าจะมีผู้คนมากกว่า 100,000 คนถูกทำให้สูญหาย ทรมานและสังหาร โดยจากประสบการณ์ที่เคยทำงานฟ้องคดีในศาลอาญาสงครามรวันดาและเซียร์ราลีโอน ยอมรับว่าไม่เคยเห็นการสังหารหมู่ขนาดใหญ่ระดับนี้มาก่อน โดยครั้งสุดท้ายที่มีการสังหารหมู่ขนาดนี้ น่าจะเป็นยุคสมัยที่พรรคนาซีปกครองประเทศเยอรมนี ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2


“ตั้งแต่ตำรวจลับที่ลักพาตัวผู้คนจากถนนและบ้านเรือน ผู้คุมและผู้สอบสวนที่อดอาหารและทรมานพวกเขาจนตาย ไปจนถึงคนขับรถบรรทุกขนศพและคนขับรถไถกลบผืนดินที่ซ่อนศพของพวกเขา มีหลายพันคนที่ทำงานในระบบการสังหารนี้ เรากำลังพูดถึงระบบการก่อการร้ายของรัฐ ซึ่งกลายเป็นกลไกแห่งความตาย” แรปป์ กล่าว

การปกครองซีเรียอันยาวนานโดยตระกูลอัสซาด จากรุ่นพ่อคือ ฮาเฟซ (Hafez) ถึงรุ่นลูกอย่างบาชาร์ ถูกกลุ่มสิทธิมนุษยชนและรัฐบาลนานาชาติกล่าวหาว่าก่อเหตุสังหารนอกกฎหมายอย่างกว้างขวาง รวมถึงการสังหารหมู่ในระบบเรือนจำของประเทศ และการใช้อาวุธเคมีกับประชาชนซีเรีย และเมื่อประชาชนลุกขึ้นต่อต้านในปี 2554 จนลุกลามกลายเป็นสงครามกลางเมือง คาดว่ามีผู้คนนับแสนถูกสังหาร

หลังจากถูกโค่นอำนาจ บาชาร์ได้หลบหนีออกนอกประเทศและได้รับอนุญาตให้ลี้ภัยอยู่ในรัสเซีย ซึ่งเขามักอ้างเสมอว่ารัฐบาลของตนไม่เคยละเมิดสิทธิมนุษยชน และกล่าวถึงฝ่ายตรงข้ามว่าเป็นพวกหัวรุนแรง ขณะที่ มูอัซ มุสตาฟา (Mouaz Moustafa) หัวหน้าองค์กรสนับสนุนชาวซีเรียที่ตั้งอยู่ในสหรัฐฯ ซึ่งก็คือกองกำลังฉุกเฉินซีเรีย ซึ่งได้เดินทางไปยังคูไตฟาห์ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงดามัสกัสไปทางเหนือ 25 ไมล์ (40 กม.) ประเมินว่ามีศพอย่างน้อย 100,000 ศพถูกฝังอยู่ที่นั่นเพียงแห่งเดียว

แคธรีน บอมเบอร์เกอร์ Kathryne Bomberger หัวหน้าคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศว่าด้วยบุคคลที่สูญหาย (ICMP) องค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ที่มีสำนักงานใหญ่ในเมืองเฮกของเนเธอร์แลนด์ เปิดเผยว่า ช่องทางสำหรับรายงานผู้สูญหายนั้นเต็มไปด้วยการติดต่อใหม่จากญาติของคนเหล่านั้น ทั้งนี้ ICMP ได้รับข้อมูลว่าอาจมีหลุมศพหมู่ที่ยังไม่ได้รับการยืนยันมากถึง 66 แห่งในซีเรีย และรับแจ้งผู้สูญหายไปแล้วมากกว่า 157,000 คน ซึ่งมากกว่าช่วงสงครามในคาบสมุทรบอลข่านช่วงทศวรรษ 1990 (ปี 2533-2542) ที่มีรายงานผู้สูญหายราว 4 หมื่นคน

บอมเบอร์เกอร์ ยอมรับว่า สำหรับครอบครัวเหล่านี้ การค้นหาความจริงในซีเรียอาจใช้เวลานานและยากลำบาก การจับคู่ทางพันธุกรรมจะต้องใช้ญาติอย่างน้อย 3 คนให้ตัวอย่างอ้างอิง DNA และเก็บตัวอย่าง DNA จากโครงกระดูกที่พบในหลุมศพแต่ละหลุม อนึ่ง ICMP เรียกร้องให้ปกป้องหลุมศพหมู่เหล่านี้สำหรับใช้เป็นหลักฐานในการพิจารณาคดีในอนาคต แต่ปรากฏว่าพื้นที่ดังกล่าวสามารถเข้าถึงได้ง่าย

ในวันที่ 17 ธ.ค. 2567 กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยว่า สหรัฐฯ กำลังร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ของสหประชาชาติ เพื่อให้แน่ใจว่าชาวซีเรียจะได้รับคำตอบและความรับผิดชอบ ขณะที่ชาวซีเรียที่อาศัยอยู่ใกล้คูไตฟาห์ บริเวณที่เคยถูกใช้เป็นฐานทัพทางทหาร และที่อยู่ใกล้สุสานแห่งหนึ่งในนัจฮา เล่าว่า เคยเห็นรถบรรทุกห้องเย็นบรรทุกศพจำนวนมาก นำมาฝังในร่องลึกที่ขุดด้วยรถขุดดิน

อับบ์ คาลิด (Abb Khalid) เกษตรกรที่มีพื้นที่เพาะปลูกใกล้กับสุสานในเมืองนัจฮา กล่าวว่า หลุมศพได้รับการจัดเตรียมไว้อย่างเป็นระเบียบ โดยรถบรรทุกจะนำศพมาทิ้งแล้วขับออกไป พร้อมมีรถรักษาความปลอดภัยอยู่ด้วย ซึ่งไม่อนุญาตให้บุคคลใดเข้าใกล้ และหากฝ่าฝืนก็จะกลายเป็นอีกร่างที่ถูกฝังในพื้นที่นั้น ด้านชาวเมืองคูไตฟาห์ที่ไม่ขอเปิดเผยชื่อและหน้าคาเพราะยังกังวลด้านความปลอดภัย กล่าวว่า มีคือสถานที่สยองขวัญ

(รอยเตอร์) ภาพถ่ายจากโดรนแสดงให้เห็นบริเวณหลุมศพหมู่ในช่วงที่บาชาร์ อัล-อัสซาดปกครองซีเรีย ตามคำบอกเล่าของชาวเมือง หลังจากการขับไล่ประธานาธิบดีอัล-อัสซาดออกไป ในเมืองนัจฮา ซีเรีย เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2567

รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ภายในบริเวณที่ล้อมรอบด้วยกำแพงซีเมนต์ เด็กสามคนกำลังเล่นอยู่ใกล้ๆ กับยานขนส่งดาวเทียมทางทหารที่สร้างโดยรัสเซีย ดินนั้นราบเรียบและเรียบเสมอกัน โดยมีรอยยาวตรงที่เชื่อว่าศพถูกฝังอยู่ รอยเตอร์วิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียม เชื่อว่าการขุดหลุมขนาดใหญ่เริ่มขึ้นที่บริเวณดังกล่าวตั้งแต่ปี 2555-2557 และดำเนินต่อไปจนถึงปี 2565

ภาพถ่ายดาวเทียมหลายภาพที่ถ่ายโดย Maxar บริษัทเทคโนโลยีอวกาศชั้นนำในสหรัฐฯ ในช่วงเวลาดังกล่าว แสดงให้เห็นรถขุดและร่องลึกขนาดใหญ่ที่มองเห็นได้ พร้อมด้วยรถบรรทุกขนาดใหญ่ 3-4 คัน ขณะที่ โอมาร์ ฮูเจราตี (Omar Hujeirati) อดีตแกนนำการประท้วงต่อต้านรัฐบาลอัสซาดที่อาศัยอยู่ใกล้สุสานนัจฮา เชื่อว่า สมาชิกในครอบครัวของตนหลายรายตกเป็นเหยื่ออุ้มหาย และคงถูกฝังในหลุมศพเหล่านี้ไปแล้ว

รายละเอียดของหลุมศพหมู่ในซีเรียถูกเปิดเผยครั้งแรกในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลเยอรมนีและคำให้การของรัฐสภาสหรัฐฯ ในปี 2564 และ 2566 ชายคนหนึ่งซึ่งระบุเพียงว่าเป็น "คนขุดหลุมศพ" ให้การซ้ำแล้วซ้ำเล่าในฐานะพยานเกี่ยวกับงานของเขาที่หลุมศพคูไตฟาห์และนัจฮา ระหว่างการพิจารณาคดีเจ้าหน้าที่รัฐบาลซีเรียของเยอรมนี

พยานรายนี้ให้ข้อมูลว่า ขณะทำงานในสุสานต่างๆ ทั่วกรุงดามัสกัสเมื่อปลายปี 2554 เจ้าหน้าที่ข่าวกรอง 2 นายปรากฏตัวที่สำนักงานของตน และสั่งให้ตนกับเพื่อนร่วมงานขนย้ายและฝังศพ ได้เดินทางด้วยการโดยสารรถตู้ที่ประดับด้วยรูปภาพของอัสซาดไปยังสถานที่ดังกล่าวหลายครั้งต่อสัปดาห์ระหว่างปี 2554 - 2561 ตามด้วยรถบรรทุกห้องเย็นขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยศพ กระทั่งในปี 2561 จึงตัดสินใจหนีออกจากประเทศเข้าไปยังทวีปยุโรป ใช้ชีวิตอย่างปกปิดตัวตนต่อสาธารณะ แต่จะคอยให้ข้อมูลกับหน่วยงานสืบสวนเกี่ยวกับการมีอยู่ของหลุมศพหมู่อยู่หลายครั้ง

“รถบรรทุกขนศพหลายร้อยศพจากโรงพยาบาลทหารทิชรีน เมซเซห์ และฮาราสตาไปยังนัจฮาและคูไตฟาห์ ซึ่งสถานที่ดังกล่าว มีการขุดร่องลึกไว้แล้ว ที่นั่นคนขุดหลุมฝังศพและเพื่อนร่วมงานจะขนศพลงไปในร่อง ซึ่งจะถูกรถไถดินกลบทันทีที่ร่องส่วนหนึ่งเต็ม ทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง รถบรรทุกพ่วง 3 คันมาถึงพร้อมกับศพของเหยื่อที่ถูกทรมาน อดอาหาร และประหารชีวิต 300 - 600 ศพ จากโรงพยาบาลทหารและหน่วยข่าวกรองทั่วกรุงดามัสกัส” พยานรายนี้ ระบุ

ขอบคุณเรื่องจาก

https://www.reuters.com/world/middle-east/syrian-mass-graves-expose-machinery-death-under-assad-top-prosecutor-says-2024-12-17/

 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top