17 กรกฎาคม 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า 'อิสราเอล'ได้เปิดฉากโจมตีทางอากาศอย่างหนักหน่วงถล่มกรุงดามัสกัส (Damascus) เมืองหลวงของซีเรีย สร้างความเสียหายให้กับกระทรวงกลาโหม และพื้นที่ใกล้ทำเนียบประธานาธิบดี พร้อมประกาศว่าจะทำลายกองกำลังรัฐบาลซีเรีย และเรียกร้องให้ซีเรียถอนกำลังจากบริเวณตอนใต้ของประเทศ การโจมตีครั้งนี้ถือเป็นการยกระดับความรุนแรงของอิสราเอลต่อรัฐบาลรักษาการประธานาธิบดีอาห์เหม็ด อัล-ชารา ที่นำโดยกลุ่มอิสลามนิยม ท่ามกลางความสัมพันธ์ในหลายระดับโดยเฉพาะด้านความมั่นคงกับสหรัฐฯ กำลังพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น

สำนักข่าวรอยเตอร์ส เปิดเผยอีกว่า การโจมตีทางอากาศดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากเหตุปะทะระหว่างกลุ่มผู้นับถือศาสนาดรูซ กับชนเผ่าเบดูอิน ตั้งแต่ช่วงวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา ในเมืองสุไวดา ซึ่งเป็นเมืองที่มีชาวดรูซอาศัยจำนวนมาก ก่อนที่ต่อมารัฐบาลซีเรียจะส่งกำลังมาเพื่อแก้ปัญหาในวันต่อมา ทว่าไม่สำเร็จ ทำให้กลายเป็นการปะทะกันระหว่าง 3 ฝ่าย โดยอิสราเอลระบุว่า จะไม่อนุญาตให้กองกำลังซีเรียเคลื่อนพลไปยังตอนใต้ของประเทศ พร้อมประกาศว่าจะปกป้องชุมชนชาวดรูซให้รอดพ้นจากการโจมตี ซึ่งเป็นเสียงเรียกร้องจากกลุ่มชุมชนชาวดรูซในอิสราเอล

'อิสราเอล แคตซ์' (Israel Katz) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอิสราเอล กล่าวว่า กองทัพอิสราเอลจะยังคงปฏิบัติการอย่างแข็งขันในสไวดาเพื่อทำลายกองกำลังที่โจมตีชาวดรูซ จนกว่ากองกำลังซีเรียจะถอนกำลังออกไปทั้งหมด  

กองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) ยังระบุด้วยว่าการโจมตีดังกล่าวมีขึ้น เพราะรัฐบาลซีเรียใช้กองบัญชาการแห่งนี้เพื่อบัญชาการปฏิบัติการและส่งกำลังทหารไปยังภูมิภาคสไวดาทางตอนใต้ของซีเรีย

ต่อมาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขซีเรีย ได้ออกมารายงานว่าการโจมตีในกรุงดามัสกัสทำให้ประชาชนเสียชีวิตอย่างน้อย 3 คน และบาดเจ็บอีก 34 คน ด้านเครือข่ายสิทธิมนุษยชนซีเรีย รายงานว่า ความรุนแรงในสัปดาห์นี้นับตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคมเป็นต้นมา มีผู้เสียชีวิตถึง 169 ราย ขณะที่แหล่งข่าวความมั่นคงระบุว่ายอดผู้เสียชีวิตทั้งหมดอยู่ที่ 300 คน

หลังจากเกิดเหตุการณ์โจมตีทางอากาศ กระทรวงต่างประเทศของซีเรีย ออกมาประณามอิสราเอลทันที โดยชี้ว่า การดำเนินการโจมตีดังกล่าวทำให้เกิดความตึงเครียด และบ่อนทำลายความมั่นคงและเสถียรภาพของซีเรีย โดยอิสราเอลจะต้องรับผิดชอบต่ออันตราย และผลที่จะเกิดขึ้นตามมา