ขาดสารอาหาร

ผลตรวจสุขภาพ

‘5แรงงานไทย’

รอวันกลับบ้าน

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอิสราเอลเผยผลตรวจสภาพร่างกาย 5 แรงงานไทย ที่ได้รับการปล่อยตัวจากฮามาสว่า ทุกคนมีอาการค่อนข้างปกติ แต่พบว่ามีภาวะขาดวิตามินดี เนื่องจากได้รับอาหารที่ไม่สมดุล คาร์โบไฮเดรตสูง โปรตีน-ผักน้อย และไม่ได้รับแสงแดดนาน

วันที่ 31 มกราคม สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้ากรณีกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาได้ปล่อยตัวประกัน 8 คน ซึ่งมีแรงงานไทย 5 คนรวมอยู่ด้วยว่า ดร.ออสแนต เลฟซิออน โคราช ผู้อำนวยการทั่วไปของโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ชามีร์ ในเมืองเบียร์ ยาคอฟ ของอิสราเอล ที่ดูแลตรวจรักษาตัวประกันแรงงานชาวไทย 5 คนที่ได้รับการปล่อยตัวจากกลุ่มฮามาสระบุ แรงงานไทยทั้ง 5 คนกำลังอยู่ระหว่างการประเมินทางการแพทย์ แต่โดยรวมแล้วอาการค่อนข้างเป็นปกติ อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ และยังขาดวิตามินดี โดยแพทย์ประเมินว่า พวกเขาได้รับคาร์โบไฮเดรตสูง โปรตีนไม่มาก ผักไม่มาก และยังไม่ได้วิตามินดีจากแสงแดดด้วย เนื่องจากถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในห้องใต้ดิน แต่ต้องอยู่ในห้องที่มีแสงน้อยหรือถูกบดบังแสงแดด ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพของพวกเขา

ด้านนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางไปกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอลตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 31 มกราคม โดยมีพลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และคณะเดินทางไปด้วย เพื่อเยี่ยมตัวประกันทั้ง 5 คนที่ได้รับการปล่อยตัว

นายมาริษเผยว่า ตั้งใจไปเยี่ยม และเตรียมรับทุกคนกลับประเทศไทย ซึ่งต้องไปฟังเงื่อนไขการที่จะเดินทางกลับ เบื้องต้นทราบว่าทุกคนไม่มีปัญหาทางด้านสุขภาพ ตนก็จะไปดูด้วยตา ส่วนเรื่องการเตรียมการต้องฟังแพทย์ทหารของอิสราเอล ซึ่งมีคณะแพทย์จากทหารไทยร่วมพิจารณาด้วย เบื้องต้นคาดว่าคงจะใช้เวลาประมาณ 8-10 วัน เพื่อตรวจสอบสภาพร่างกายของตัวประกันทั้ง 5 คนว่าอยู่ในสภาพที่จะเดินทางได้หรือไม่ ซึ่งอยากให้เดินทางกลับเร็วที่สุด

นายมาริษ ได้กล่าวขอบคุณมิตรประเทศทั้งอิสราเอล กาตาร์ อียิปต์ ตุรกี อิหร่าน ที่ได้ช่วยเหลือ และจะร่วมติดตามตัวประกันอีก 1 คน ให้ได้กลับบ้าน ส่วนผู้ที่เสียชีวิตจะติดตามนำร่างกลับประเทศไทยด้วย

ทีมข่าว”สำนักข่าวไทย”ได้ไปที่บ้านของนายวัชระ ที่ อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี บรรยากาศที่บ้านยังคงมีบรรดาญาติๆ อยู่ให้กำลังใจและร่วมยินดีกับพ่อและแม่ของนายวัชระ ขณะที่ทางอำเภอและหลายหน่วยงานในพื้นที่ ก็ได้มาเยี่ยมเช่นกัน พร้อมกับแจ้งสิทธิประโยชน์ที่แรงงานไทยจะได้รับ หลังถูกปล่อยตัว

พ่อของนายวัชระ บอกว่า ตลอดระยะเวลา 15 เดือนที่รอคอย เชื่อมั่นมาตลอดว่า สักวันลูกชายจะได้รับการปล่อยตัว และแล้ววันนี้ก็มาถึง ดีใจสุดๆ โดยเฉพาะตอนที่ได้เห็นวัชระเดินออกมา ญาติพี่น้องร้องไห้โฮลั่นบ้าน ตนเองก็ร้องไห้จนเป็นลมแล้วเป็นลมอีก ก่อนหน้านี้ เคยมีคนโทรมาบอกว่า ลูกชายตายแล้ว แต่ตนเองก็ไม่เชื่อ ในใจคิดเสมอว่าลูกชายผมต้องกลับมา 15 เดือนที่ผ่านมา ทรมานทุกข์ใจหนัก จนล้มป่วย แต่ตอนนี้ ดีใจสุดๆ หัวอกคนเป็นพ่อ พูดไปก็น้ำตาจะไหล

ที่ จ.อุดรธานี เป็นบ้านเกิดของแรงงานไทย 2 คน ที่ได้รับการปล่อยตัวครั้งนี้ นอกนายวัชระแล้ว อีกคน คือ นายสุรศักดิ์ ลำเนา ซึ่งวันนี้ นางคำมี แม่ของนายสุรศักดิ์ และนายวีระโชติ ซึ่งเป็นน้องชายนายวัชระ ได้ไปทำหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) เพื่อเตรียมพร้อม ที่จะเดินทางไปรับนายสุรศักดิ์และนายวัชรถึงประเทศอิสราเอล

บรรยากาศไม่ต่างกันกับที่บ้านของนาย บรรณวัชร แซ่ท้าว ที่ จ.น่าน 1 ใน 5 แรงงานไทยที่ได้รับการปล่อยตัวในครั้งนี้ ครอบครัวดีใจมาก เพราะรอคอยมานานกว่า 1 ปี และร้องไห้อีกครั้ง เมื่อได้วิดีโอคอลคุยข้ามประเทศกับนายบรรณวัชร

น.ส.วิชญาดา ภรรยาของบรรณวัชร เล่าทั้งน้ำตาด้วยความดีใจ ตอนแรกที่ได้ยินข่าวก็ยังไม่มั่นใจ จนกระทั่งได้โทรศัพท์พูดคุยผ่านวีดีโอคอลกับสามี เหมือนปาฏิหาริย์ของชีวิต สามีถูกจับตัวไปตั้งแต่ลูกคนที่ 3 คลอดมาได้ 1 เดือน จนตอนนี้ลูกมีอายุได้ 1 ขวบ 2 เดือน สามีก็ดีใจมากที่ได้เห็นหน้าลูก หลังจากนี้ เมื่อสามีกลับมา จะพูดคุยกันและวางแผนอนาคตกันอีกครั้ง ขอขอบคุณรัฐบาลและทุกหน่วยงานที่ช่วยเหลือ

ที่ จ.หนองบัวลำภู บ้านเกิดของนายเสถียร สุวรรณคำ อายุ 35 ปี อีกหนึ่งแรงงานไทยที่ได้รับการปล่อยตัว ที่บ้านมีญาติๆ ของนายเสถียร มาร่วมแสดงความยินดี นางหนูกัน สุวรรณคำ อายุ 60 ปี แม่ของนายเสถียร บอกว่า ทันทีที่รู้ข่าว ก็ร้องไห้ดีใจมากจนพูดไม่ออก นายเสถียรเป็นลูกคนโต และอีกหนึ่งเป็นผู้หญิง นายเสถียรไปทำงานที่อิสราเอล ได้ประมาณ 4 ปีกว่า ส่งเงินมาดูแลครอบครัวตลอด หลังจากเกิดสงคราม ก็ไม่สามารถติดต่อลูกชายได้เลย ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง แม่ทุกข์ใจมาก จนกระทั่งเมื่อวานนี้ (30 ม.ค.68) มีเจ้าหน้าที่โทรศัพท์ให้พูดคุยกับลูกชาย แม่ก็ร้องไห้ดีใจ เมื่อลูกชายกลับมา จะให้บวชเพราะได้บนบานไว้ และไม่อยากให้กลับไปทำงานต่างประเทศอีก กลัวซ้ำรอยเดิม