สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐเผชิญการต่อต้านและเสียงประณามจากทั่วโลกจากการประกาศว่าสหรัฐจะเข้าไปครอบครองฉนวนกาซา ขณะที่เขายืนกรานว่า มีแต่คนชอบความคิดนี้

นายทรัมป์ประกาศเรื่องนี้ ในระหว่างการแถลงข่าวกับนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลที่เดินทางไปเยือน โดยให้เหตุผลว่า เมื่อฉนวนกาซาเสียหายอย่างหนัก เป็นสัญลักษณ์ของความตายและการทำลายล้างมานาน ชาวปาเลสไตน์ควรย้ายไปอาศัยในอียิปต์และจอร์แดน และสหรัฐจะเข้าไปฟื้นฟูพัฒนาให้เป็น ดินแดนสวยงาม ที่เขาเรียกว่า “ริเวียร่าแห่งตะวันออกกลาง”

นายอันโตนิโอ กูแตร์เรซ เลขาธิการสหประชาชาติกล่าวตำหนิว่า เป็นการกระทำที่เข้าข่ายการกวาดล้างเผ่าพันธุ์ นั่นคือการบังคับเนรเทศกลุ่มชาติพันธุ์และศาสนาออกจากพื้นที่หนึ่งๆ ขณะที่สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลเลาะห์ที่ 2 แห่งจอร์แดน ซึ่งนายทรัมป์เสนอให้ชาวปาเลสไตน์อพยพไปอาศัยอยู่ในจอร์แดนตรัสว่า จอร์แดนปฏิเสธแนวทางใด ๆ ที่จะขับไล่ชาวปาเลสไตน์และผนวกดินแดน  

ด้านพันธมิตรตะวันตกของสหรัฐต่างแสดงความคัดค้าน นายเคียร์ สตามเมอร์ นายกรัฐมนตรีของอังกฤษกล่าวว่า ชาวปาเลสไตน์ควรอาศัยในดินแดนของพวกเขา ฟื้นฟู และ สร้างประเทศตามแนวทางสองรัฐ ส่วนนายวอลเตอร์ ชไตน์ไมเออร์ ประธานาธิบดีเยอรมนีได้เตือนว่า แผนการเช่นนี้ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ คำกล่าวของนายทรัมป์ทำให้สร้างความหวั่นเกรงไปทั่วภูมิภาค

อย่างไรก็ตาม นายทรัมป์ ยังคงยืนกรานแนวคิดนี้ โดยกล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า ทุกคนต่างเห็นดีด้วยกับแผนการของเขา เช่นเดียวกับโฆษกทำเนียบขาวที่ยืนยันว่า เป็นแผนการที่ดี จากนายทรัมป์ที่มาจากความปรารถนาดี และการส่งทหารอเมริกันไปนั้น เป็นเพียงกรณีที่จำเป็นเท่านั้น