31 มี.ค. 2568 นสพ.The Phnom Penh Post ของกัมพูชา รายงานข่าว Forest fires degrade air quality, destroy biodiversity, warn ministry ระบุว่า กระทรวงสิ่งแวดล้อมของกัมพูชา ได้เรียกร้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการป้องกันไฟป่าที่กำลังเกิดขึ้นอยู่เกือบทุกจังหวัดของประเทศ โดยสถิติระหว่างวันที่ 23 – 29 มี.ค. 2568 เกิดไฟป่าทั้งหมด 482 ครั้งทั่วราชอาณาจักร โดยจังหวัดรัตนคีรีเป็นจังหวัดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด (103 กรณี) รองลงมาคือสตึงเตรง (86 กรณี) และมณฑลคีรี (57 กรณี)

ในวันที่ 30 มี.ค. 2568 Khvay Atitya โฆษกกระทรวงสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ไฟป่าเป็นวิกฤติที่ต้องให้ความสำคัญอย่างเร่งด่วนและต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง จึงขอเรียกร้องให้หน่วยงานท้องถิ่น หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย พันธมิตรในท้องถิ่นและระหว่างประเทศ ตลอดจนชุมชนและผู้อยู่อาศัยใกล้พื้นที่ป่า ดำเนินการทันทีหากพบเห็นไฟไหม้ เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟลุกลามและลดความเสี่ยงต่อสุขภาพของประชาชนให้เหลือน้อยที่สุด

“ควันจากไฟป่าทำให้ความเข้มข้นของฝุ่นละอองขนาดเล็กและสารพิษในอากาศเพิ่มขึ้น ส่งผลให้คุณภาพอากาศเสื่อมโทรม ทำลายความหลากหลายทางชีวภาพ และทำลายระบบนิเวศในท้องถิ่น” Khvay Atitya กล่าว

โฆษกกระทรวงสิ่งแวดล้อมกัมพูชา กล่าวต่อไปว่า กระทรวงฯ ได้ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานระดับจังหวัดในพื้นที่คุ้มครองและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ เพื่อรณรงค์สร้างความตระหนักรู้และให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับมาตรการป้องกันอัคคีภัย ความพยายามเหล่านี้มุ่งเน้นไปที่การห้ามกิจกรรมต่างๆ เช่น การเผาขยะหรือเศษวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร และพื้นที่เกษตรกรรม เนื่องจากกิจกรรมเหล่านี้อาจทำให้เกิดไฟไหม้ป่าได้

นอกจากนี้ กระทรวงฯ ยังได้บังคับใช้คำสั่งหมายเลข 01 เกี่ยวกับการป้องกันมลพิษทางอากาศสาธารณะ โดยเน้นย้ำว่าการเผาขยะและไฟป่าไม่เพียงแต่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อคุณภาพอากาศ สุขภาพของประชาชน และสภาพความเป็นอยู่โดยรวมอีกด้วย โดย Khvay Atitya กล่าวย้ำว่า ป่าไม้เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่ต้องได้รับการปกป้อง หากเกิดไฟไหม้ป่าต้องป้องกันและควบคุม เพราะการปกป้องป่าไม้หมายถึงการปกป้องสัตว์ป่า ความหลากหลายทางชีวภาพ และท้ายที่สุดคือชีวิตของเราเอง

ย้อนไปเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2568 กระทรวงสิ่งแวดล้อมของกัมพูชาได้แจ้งให้สาธารณชนทราบว่าสภาพอากาศที่ผันผวนในช่วงที่ผ่านมาและท้องฟ้าที่มีหมอกหนาทำให้เกิดการกล่าวอ้างที่ผิดๆ เกี่ยวกับคุณภาพอากาศในประเทศ พร้อมกับเตือนว่ารายงานที่ไม่ได้รับการตรวจสอบจากแหล่งตรวจสอบที่ไม่เป็นทางการนั้นบิดเบือนสถานการณ์ที่แท้จริง และย้ำว่าในขณะนี้คุณภาพอากาศในกัมพูชาไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพของประชาชน โดยกระทรวงฯ มีสถานีตรวจสอบคุณภาพอากาศและอุปกรณ์เคลื่อนที่ทั่วประเทศ ซึ่งแบ่งปันข้อมูลเป็นประจำผ่านช่องทางที่เป็นทางการทั้งสื่อสังคมออนไลน์ เว็บไซต์ และแอปพลิเคชั่นโทรศัพท์มือถือ CGS SPA ซึ่งให้ข้อมูลคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์

ขอบคุณเรื่องและภาพจาก

https://www.phnompenhpost.com/national/forest-fires-degrade-air-quality-destroy-biodiversity-warn-ministry

043...