โตเกียว (เอ็นเอชเค/เจแปนไทมส์)-องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศแห่งญี่ปุ่น หรือเจโทรระบุว่า ภาษีนำเข้ารถยนต์ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ บังคับใช้ อาจทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือ GDP ของญี่ปุ่นลดลงร้อยละ 0.3

หลังจากเมื่อวันพุธที่ 26 มี.ค. ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมร้อยละ 25 สำหรับรถยนต์นำเข้าและชิ้นส่วนที่กำหนด ล่าสุด อิโซโนะ อิกูโมะ นักวิจัยจากสถาบันพัฒนาเศรษฐกิจขององค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศแห่งญี่ปุ่น หรือเจโทร กล่าวว่า คาดว่าภาษีดังกล่าวจะทำให้เศรษฐกิจได้รับผลกระทบ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือ GDP ของญี่ปุ่นอาจลดลงร้อยละ 0.3 เนื่องจากปริมาณการผลิตของผู้ผลิตยานยนต์ของญี่ปุ่นจะลดลง นอกจากนี้ ภาษีดังกล่าวยังจะสร้างความเสียหายให้กับบริษัทต่าง ๆ ในห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมยานยนต์ด้วย

อิกูโมะ กล่าวเสริมว่า ภาษีนี้อาจได้ผลเนื่องจากทรัมป์ตั้งใจที่จะขยายการผลิตยานยนต์ในสหรัฐฯ และเพิ่มการจ้างงาน แต่ก็ต้องคำนึงถึงข้อเสียด้วย ภาษีและค่าธรรมเนียมตอบแทนจากคู่ค้าอาจส่งผลให้ภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐฯ สูงขึ้นและทำให้ GDP ของสหรัฐลดลงมากถึงร้อยละ 2.5 ซึ่งเรื่องนี้จะส่งผลกระทบไปทั่วโลก

อิกูโมะย้ำว่า การเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ทำให้บริษัทต่างๆตัดสินใจลงทุนใหม่ได้ยากขึ้น และอาจทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลง นอกจากนี้ยังกล่าวว่า ขณะนี้ บริษัทต่างๆ ต้องพิจารณาว่าจะแยกสหรัฐฯ ออกจากห่วงโซ่อุปทานอื่นหรือไม่ และจะจัดระเบียบห่วงโซ่อุปทานเหล่านั้นใหม่อย่างไร

ส่วนทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ซีบีเอสในประเด็นนี้ ระบุว่า เขาเชื่อว่าบริษัทผู้ผลิตยานยนต์ต่างชาติเตรียมปรับเพิ่มราคายานยนต์ที่จำหน่ายในสหรัฐฯ หลังจากเขาประกาศเพิ่มการเก็บภาษียานยนต์นำเข้าจากต่างประเทศอีกร้อยละ 25 ซึ่งจะมีผลในวันที่ 2 เมษายนนี้ แต่เขาไม่กังวลในเรื่องนี้ เพราะนั่นหมายความว่าผู้บริโภคอเมริกันจะหันมาเลือกซื้อยานยนต์แบรนด์ที่ผลิตในอเมริกาซึ่งมีให้เลือกซื้อจำนวนมาก

ทั้งนี้ หลายฝ่ายกังวลว่า นโยบายล่าสุดของทรัมป์จะส่งผลให้สินค้ายานยนต์ในสหรัฐฯ ราคาแพงขึ้น และส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับมิตรประเทศ ที่ส่งยานยนต์มาจำหน่ายในสหรัฐฯ