7 มิ.ย. 2568 สื่อต่างประเทศร่วมจับตาสถานการณ์พิพาทชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ในรอบ 24 ชั่วโมงล่าสุด โดยสำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว Thailand and Cambodia reinforcing troops on disputed border after May skirmish, Thai minister says ระบุว่า เป็นเวลาหลายวันแล้วที่รัฐบาลทั้ง 2 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ได้แลกเปลี่ยนแถลงการณ์ที่เขียนด้วยถ้อยคำที่รอบคอบเพื่อยืนยันที่จะเจรจา หลังจากเกิดการปะทะกันสั้นๆ ในพื้นที่ชายแดนที่ไม่มีการกำหนดเขต เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2568 ซึ่งส่งผลให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดทางฝ่ายไทยได้ออกแถลงการณ์ โดย ภูมิธรรม เวชยชัย (Phumtham Wechayachai) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุว่า ในการเจรจากันเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 2568 กัมพูชาได้ปฏิเสธข้อเสนอที่อาจนำไปสู่การคลี่คลายความตึงเครียด นอกจากนี้ยังมีการเสริมกำลังทหาร ซึ่งส่งผลให้ความตึงเครียดตามแนวชายแดนรุนแรงขึ้น ดังนั้น รัฐบาลไทยจึงเห็นว่าจำเป็นต้องดำเนินมาตรการเพิ่มเติมและเสริมกำลังทหาร แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
ขณะที่กองทัพบกฝ่ายไทย ย้ำว่า ทหารและพลเรือนกัมพูชารุกล้ำเขตแดนของไทยซ้ำแล้วซ้ำเล่า การยั่วยุเหล่านี้และการเพิ่มกำลังทหาร แสดงให้เห็นถึงเจตนาชัดเจนที่จะใช้กำลัง และกองทัพจะเข้าควบคุมจุดตรวจของไทยทั้งหมดตามแนวชายแดนที่ติดกับกัมพูชา แต่ในฝ่ายกัมพูชา โฆษกกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาไม่ได้ตอบคำถามของสำนักข่าวรอยเตอร์ในทันที
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า การเสริมกำลังทางทหารเกิดขึ้นแม้ว่าจีน รวมถึง อันวาร์ อิบราฮิม (Anwar Ibrahim) นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน จะพยายามลดความตึงเครียดลงก็ตาม ทั้งนี้ ไทยและกัมพูชาได้โต้แย้งกันเรื่องอธิปไตยในจุดต่างๆ ที่ไม่มีขอบเขตตลอดแนวชายแดนทางบกยาว 817 กิโลเมตร (508 ไมล์) มากว่าศตวรรษ ซึ่งฝรั่งเศสเป็นผู้ทำแผนที่เป็นครั้งแรกในปี 2450 เมื่อกัมพูชาตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส
ความตึงเครียดทวีความรุนแรงขึ้นในปี 2551 เกี่ยวกับวัดฮินดู (ปราสาทพระวิหาร) ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 11 (ปี 1000 – 1099) นำไปสู่การปะทะกันระหว่างไทยกับกัมพูชาเป็นเวลาหลายปีและมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 ราย รวมถึงการสู้รบด้วยปืนใหญ่ที่กินเวลาต่อเนื่องถึง 1 สัปดาห์เมื่อปี 2554
รัฐบาลปัจจุบันของทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดี อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ทักษิณ ชินวัตร (Thaksin Shinawatra) ของไทย และอดีตนายกฯ กัมพูชา ฮุน เซน (Hun Sen) มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด และปัจจุบันลูกสาวของทักษิณและลูกชายของฮุนเซน ต่างกำลังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศทั้งสอง ถึงกระนั้น ความรู้สึกชาตินิยมก็เพิ่มขึ้นในประเทศไทย และกองทัพไทยกล่าวเมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2568 ว่าพร้อมที่จะเปิด "ปฏิบัติการระดับสูง" เพื่อต่อต้านการละเมิดอธิปไตยใดๆ
รายงานของรอยเตอร์ทิ้งท้ายว่า ในขณะที่ฝ่ายกัมพูชา ยืนยันจะส่งข้อพิพาทเกี่ยวกับพื้นที่ชายแดน 4 ส่วนไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) หรือศาลโลก และขอให้ไทยให้ความร่วมมือ แต่ฝ่ายไทย โดย รมว.กลาโหม ยืนยันอีกครั้งเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2568 ว่าไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลก และเสนอให้แก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเขตแดนทั้งหมดผ่านการเจรจาทวิภาคี
นสพ.The Independent ของอังกฤษ เสนอรายงานพิเศษ Death of a soldier has flared Thailand and Cambodia border tensions สรุปลำดับความขัดแย้งชายแดนไทย – กัมพูชา ที่ย้อนประวัติศาสตร์ได้ยาวนานกว่าศตวรรษ ดังนี้
1.เพื่อนบ้านทั้งสองในอาเซียนต่างโต้แย้งกันเรื่องอำนาจอธิปไตยเหนือจุดที่ไม่มีการกำหนดเขตตลอดแนวพรมแดนทางบกยาว 817 กิโลเมตรมาเป็นเวลาเกือบศตวรรษ โดยพรมแดนดังกล่าวได้รับการจัดทำแผนที่โดยฝรั่งเศสเป็นครั้งแรกในปี 2450
2.การอ้างสิทธิ์ในแหล่งประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะปราสาทพระวิหารที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 11 ก่อให้เกิดความตึงเครียดในเชิงชาตินิยม โดยศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ได้ตัดสินให้ปราสาทเป็นของกัมพูชาในปี 2505 แม้ว่าไทยจะยังคงอ้างสิทธิ์ในดินแดนโดยรอบอยู่ก็ตาม
3.กระแสชาตินิยมเพิ่มขึ้นในสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่กลุ่มการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยมตั้งคำถามถึงแผนการของรัฐบาลที่จะสำรวจแหล่งพลังงานร่วมกับกัมพูชา และหลังจากกลุ่มชาวกัมพูชาขับร้องเพลงชาติที่ปราสาทตาเมือนธมที่เป็นข้อพิพาท
4.ความตึงเครียดระหว่างไทยและกัมพูชาเพิ่มสูงขึ้นหลังจากทหารกัมพูชาเสียชีวิตในเดือน พ.ค. 2568 ระหว่างการยิงปะทะกันในพื้นที่ชายแดนที่เป็นข้อพิพาท
5.แม้จะมีคำมั่นสัญญาว่าจะคลี่คลายความตึงเครียดและแสวงหาการเจรจา แต่กองทัพของทั้ง 2 ประเทศก็ยังคงระดมกำลังตั้งประชิดชายแดน ทั้งนี้ กัมพูชามีแผนที่จะส่งต่อข้อพิพาทในพื้นที่ชายแดนทั้ง 4 แห่งไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ในขณะที่ไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลดังกล่าว
Dimsum Daily สำนักข่าวออนไลน์ของฮ่องกง รายงานข่าว Thailand’s military prepares for potential operation following border dispute with Cambodia ระบุว่า กองทัพไทยได้ออกคำเตือนอย่างเข้มงวด โดยระบุว่าพร้อมที่จะเปิดปฏิบัติการระดับสูงเพื่อตอบโต้การละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย ซึ่งถือเป็นการเพิ่มความตึงเครียดอย่างมีนัยสำคัญหลังจากเกิดการปะทะกันอีกครั้งจากข้อพิพาทชายแดนที่ยืดเยื้อกับกัมพูชา
ในแถลงการณ์ล่าสุด กองทัพไทยแสดงความกังวลเกี่ยวกับความพร้อมของกองทัพที่เพิ่มขึ้นซึ่งสังเกตได้จากฝั่งกัมพูชาตามแนวชายแดนร่วมกัน ส่งผลให้ไทยมีท่าทีเชิงรุก แถลงการณ์ของกองทัพไทยเน้นย้ำถึงสถานะความพร้อมในการปฏิบัติการทางทหารที่อาจเกิดขึ้นหากจำเป็นเพื่อต่อต้านการละเมิดอธิปไตย โดยเน้นย้ำถึงแนวทางที่รอบคอบและมีกลยุทธ์เพื่อป้องกันการสูญเสียชีวิตในขณะที่ปกป้องผลประโยชน์ของชาติ
ผู้นำทหารเหล่าทัพต่างๆ ของไทย จัดประชุมลับเพื่อหารือถึงสถานการณ์ที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยทั้งกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ก็ได้ยกระดับความพร้อมรบขึ้นเช่นกัน ขณะที่ พ.อ ชัยณรงค์ กาสี (Chainarong Kasee) ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กำลังพลเตรียมความพร้อมปฏิบัติการ สะท้อนถึงสถานการณ์ที่ร้ายแรงในปัจจุบัน
การปะทะกันครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2568 ซึ่งมีรายงานว่าทหารกัมพูชาเสียชีวิตในเหตุปะทะบริเวณชายแดน ได้จุดชนวนความตึงเครียดทางประวัติศาสตร์ระหว่างทั้งสองประเทศขึ้นมาอีกครั้ง ข้อกล่าวหาเกี่ยวกับลำดับเหตุการณ์ที่นำไปสู่การปะทะกันดังกล่าวได้ทำให้ความสัมพันธ์ทางการทูตตึงเครียดยิ่งขึ้น โดยทั้งสองฝ่ายต่างก็อ้างสิทธิ์ที่แตกต่างกัน
ข้อพิพาทที่ดำเนินมายาวนานซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ปราสาทพระวิหาร เป็นจุดศูนย์กลางของความขัดแย้ง โดยมีการปะทะและความขัดแย้งเป็นระยะๆ เกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ดินแดนย้อนหลังไปหลายทศวรรษ ความพยายามในการแก้ไขข้อพิพาทชายแดนที่ดำเนินอยู่มีความซับซ้อนขึ้นเนื่องจากมีมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับการอ้างสิทธิ์และอำนาจอธิปไตยในอดีต ซึ่งเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการมีการเจรจาทางการทูตและกลไกการแก้ไขข้อขัดแย้ง ซึ่งทั้งสองประเทศมุ่งมั่นที่จะลดความตึงเครียด โดยกำหนดให้มีการหารือผ่านคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทย (JBC) เพื่อแก้ไขปัญหาการแบ่งเขตแดน
ขอบคุณเรื่องจาก
043...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี