12 มิ.ย. 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์ เสนอรายงานพิเศษ Thai ruling party grapples with border crisis, thorny court case amid bleak economy ว่าด้วยสถานการณ์การเมืองไทย เมื่อ “พรรคเพื่อไทย” พรรคแกนนำรัฐบาลปัจจุบัน เผชิญสารพัดปัญหารุมเร้า ทั้งเศรษฐกิจของประเทศที่ซบเซา ความขัดแย้งเรื่องพรมแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงชะตากรรมของ ทักษิณ ชินวัตร (Thaksin Shinawatra) มหาเศรษฐีและอดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ซึ่งเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลทางความคิดอย่างสูงต่อคนในพรรค และยังเป็นบิดาของ แพทองธาร ชินวัตร (Paetongtarn Shinawatra) นายกฯ คนปัจจุบัน ที่อาจต้องถูกจำคุกอีกครั้ง
ทักษิณนั้นหลบหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศนานถึง 15 ปี ก่อนกลับเข้าไทยและถูกส่งตัวจากเรือนจำไปอยู่ในโรงพยาบาลด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ แต่ในสัปดาห์นี้ซึ่งศาลจะพิจารณาตามที่มีผู้ไปร้องเรียนไว้ และหากศาลเห็นว่าการส่งทักษิณไปรักษาตัวในโรงพยาบาลไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็เป็นไปได้ที่จะสั่งให้นำตัวนายทักษิณกลับเข้าเรือนจำ ขณะเดียวกัน ความขัดแย้งระหว่างไทยกับเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา กระแสชาตินิยมที่เพิ่มขึ้นยังทำให้รัฐบาลของแพทองธารสั่นคลอน ในขณะที่เสียงชื่นชมต่อกองทัพดังมากขึ้น ซึ่งก็เป็นกองทัพนี่เองที่เคยทำรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับตระกูลชินวัตรถึง 2 ครั้ง ในปี 2549 และ 2557
บรรดานักวิจารณ์จะจับตามองการจัดการการเจรจาระหว่างไทยกับกัมพูชาในวันที่ 14 มิ.ย. 2568 นอกจากนั้น ความไม่สบายใจของประชาชนยังเพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับการบริหารจัดการเศรษฐกิจที่ติดขัดจากหนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูง ซึ่ง ผศ.ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง (Wanwichit Boonprong) รองคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ให้ภาพสะท้อนว่า นายกรัฐมนตรีเกิดวิกฤติความเชื่อมั่นแล้ว หลายคนรู้สึกว่ารัฐบาลไม่สามารถรับมือกับวิกฤติต่างๆ ที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่ได้
อย่างไรก็ตาม สมคิด เชื้อคง (Somkid Chuekong) นักการเมืองอาวุโสของพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ชะตากรรมของอดีตนายกฯ ทักษิณ จะไม่ส่งผลกระทบทางการเมืองต่อพรรคเพื่อไทย เพราะทักษิณไม่ได้มีอำนาจใดๆ โดยตรงกับการบริหารงานของรัฐบาล ทำได้เพียงการแสดงความคิดและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการทำงานของรัฐบาลเท่านั้น
สำนักข่าวรอยเตอร์ยังไม่สามารถติดต่อเพื่อพูดคุยกับทักษิณได้ ในขณะที่ รังสิมันต์ โรม (Rangsiman Rome) สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ซึ่งเป็นพรรคแกนนำฝ่ายค้าน กล่าวว่า คดีความของทักษิณและการรับมือกับความท้าทายต่างๆ ของรัฐบาลได้ทำให้ความเชื่อมั่นในสายตาของสาธารณชนลดน้อยลง ในระยะสั้นจะเป็นเรื่องยากมากที่จะปกครองประเทศ เพราะประชาชนไม่มีความเชื่อมั่นเหลืออยู่แล้ว
เดิมทีนั้น ทักษิณถูกตัดสินจำคุก 8 ปี แต่ได้รับการลดโทษเหลือจำคุก 1 ปี แต่อยู่ในเรือนจำได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ถูกส่งไปรักษาตัวในห้อง VIP ของโรงพยาบาลที่อยู่นอกเรือนจำ โดยมีรายงานว่า อดีตนายกฯ วัย 75 ปีผู้นี้มีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับโรคทรวงอกและหัวใจ ท่ามกลางคำถามจากประชาชนที่ไม่เชื่อมั่นว่าทักษิณป่วยหนักเช่นนั้นจริง โดยในวันที่ 12 มิ.ย. 2568 แพทยสภาจะประชุมเพื่อตัดสินใจว่าแพทย์ 3 คนที่ลงนามให้ทักษิณเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลควรได้รับการลงโทษหรือไม่จากการใช้อำนาจในทางมิชอบ
ทักษิณนั้นอยู่ในห้อง VIP ของโรงพยาบาลเป็นเวลา 6 เดือน ก่อนได้รับอนุญาตให้เข้าโครงการพักโทษโดยให้กลับไปอยู่ที่บ้านได้อีก 6 เดือน ซึ่งมติของแพทยสภาจะมีผลต่อการที่ศาลนัดไต่สวนในวันที่ 13 มิ.ย. 2568 ว่ากระบวนการส่งตัวไปโรงพยาบาลนั้นถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าศาลจะตัดสินเรื่องดังกล่าวเมื่อใด ทั้งนี้ แม้จะไม่มีตำแหน่งใดๆ อย่างเป็นทางการ แต่ทักษิณนั้นมีอิทธิพลเหนือรัฐบาลมาตลอด โดยมีบทบาททั้งการพบปะกับผู้นำต่างประเทศ การลงพื้นที่ช่วยหาเสียงให้ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น และการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบาย
มีการสำรวจซึ่งพบว่า กลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถามถึงร้อยละ 60 เชื่อว่าคดีของทักษิณจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลที่ความนิยมลดลง หลังจากที่รัฐบาลหยุดโครงการแจกเงินให้ประชาชนหลายสิบล้านคน ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของ รศ.ยุทธพร อิสรชัย (Yuttaporn Issarachai) อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ที่กล่าวว่า อดีตนายกฯ ทักษิณมีอิทธิพลต่อรัฐบาลชุดนี้มาก และจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนหากผลของคดีออกมาในเชิงลบ
รายงานข่าวทิ้งท้ายด้วยประเด็นความขัดแย้งไทย – กัมพูชา ซึ่งพรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาล กำลังพยายามอย่างหนักเพื่อควบคุมไม่ให้สถานการณ์บานปลาย เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่ายได้ระดมกำลังทหารก่อนที่การเจรจาระหว่างกองทัพของทั้งสองฝ่ายจะคลี่คลายความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นจากเหตุปะทะกันเมื่อเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม ฐิติพล ภักดีวานิช (Titipol Phakdeewanich) อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี มองว่า การเจรจาของทั้ง 2 ประเทศ ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 14 มิ.ย. 2568 ไม่น่าจะนำไปสู่การแก้ปัญหาได้ โดยตั้งข้อสังเกตว่า นายกฯ ไม่ได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนมากนัก จึงถูกตั้งคำถามอยู่บ้างว่ารัฐบาลนี้ปกป้องผลประโยชน์ของประเทศจริงหรือไม่
ประเด็นข้อพิพาทชายแดนดังกล่าว ยังกลายเป็นเหมือน “สายล่อฟ้า” สำหรับกลุ่มคนที่ไม่ชอบรัฐบาล โดยเฉพาะกลุ่มอนุรักษ์นิยมที่จัดการประท้วงเล็กๆ เรียกร้องให้ทหารออกมาขับไล่รัฐบาล ซึ่งนับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตยเมื่อปี 2475 การเมืองไทยเผชิญกับการรัฐประหารโดยกองทัพไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง โดย จตุพร พรหมพันธุ์ (Jatuporn Prompan) อดีตแกนนำมวลชนที่สนับสนุนทักษิณ แต่ปัจจุบันได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ทักษิณอย่างต่อเนื่อง กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศกำลังเผชิญกับปัญหาความมั่นคง ขณะที่แนวคิดชาตินิยมกำลังเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผู้นำรัฐบาลอ่อนแอที่สุด และบางคนเริ่มเรียกร้องหารัฐประหารแล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ภูมิธรรม เวชยชัย (Phumtham Wechayachai) รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย ปฏิเสธความเป็นไปได้ของเรื่องดังกล่าว โดยตอบคำถามสื่อว่า กองทัพต้องทำหน้าที่ของตนเอง และกองทัพก็ไม่มีความขัดแย้งกับรัฐบาล
ขอบคุณเรื่องจาก
043..
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี