รบ.พร้อมอพยพคนไทยทันที

หากตะวันออกกลางสู้รบหนัก

“ภูมิธรรม”เผยพร้อมช่วยอพยพคนไทยในตะวันออกกลางทันทีหากมีเหตุการณ์สู้รบรุนแรง ยันกองทัพเตรียมเครื่องบิน-เส้นทางลำเลียงไว้แล้ว ขณะที่สถานทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ แจ้งปิดทำการ จากสถานการณ์ความไม่ปลอดภัยในอิสราเอล ส่วน กต.ออกแถลงการณ์เรียกร้อง“อิสราเอล-อิหร่าน” ยุติใช้ความรุนแรง

เมื่อเวลา 09.45 น.วันที่ 23 มิถุนายน 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวความพร้อมของกองทัพในการอพยพคนไทยในสงครามตะวันออกกลางว่า เราเตรียมความพร้อมไว้นานมากแล้ว พร้อมทั้งหมดแล้ว รู้เส้นทางลำเลียงทั้งหมด รวมถึงระยะเวลาที่จะต้องใช้ พร้อมมีการประเมินสถานที่ในพื้นที่ หากสถานการณ์เป็นอย่างไรจะต้องดำเนินการขนาดไหน แต่สิ่งสำคัญ คือ คนของเราที่อยู่ในประเทศต่างๆ ไม่ได้อยู่แบบนักท่องเที่ยว ส่วนใหญ่ไปทำงาน และมีต้นทุนที่เขาต้องจ่าย อย่างในประเทศอิหร่านมีประมาณ 300 คน ที่มีความลำบาก เพราะเส้นทางลำเลียงใช้เวลาประมาณ 9 ชั่วโมง แต่มีการดูเส้นทางและประสานไว้ทั้งหมดแล้ว ส่วนในประเทศอิสราเอล มีประมาณ 3-4 หมื่นคน แต่เส้นทางในการลำเลียงใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

นายภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้หากถามผู้ที่เป็นแรงงานอยู่ในประเทศต่างๆ ว่าเขาอยากกลับหรือไม่นั้น คงไม่อยากกลับ หรือแม้แต่บังคับกลับก็ยังไม่อยากกลับ เราได้บอกเขาถึงสถานการณ์ว่าเป็นอย่างไร ย้ำว่า ได้เตรียมการไว้ทั้งหมดแล้ว เช่น การนัดหมายเมื่อเกิดเหตุการณ์รุนแรง เมื่อเขาเห็นคงพร้อมที่จะเดินทางกลับ และเราพร้อมที่จะปฏิบัติการอยู่แล้วร้อยเปอร์เซ็นต์ รวมถึงเครื่องบินก็เตรียมพร้อมไว้แล้วร้อยเปอร์เซ็นต์ในทุกวัน ดังนั้น หากมีเหตุการณ์ที่รุนแรงและต้องมีการอพยพเราจะดำเนินการทันที

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า หากจะต้องอพยพคนจากอิหร่าน จะต้องมีการใช้เงินมากถึง 1 หมื่นเหรียญสหรัฐฯ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราไม่ต้องไปรอเขาเรียกเงิน ย้ำว่า เราเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว

ทางด้านเพจ Royal Thai Embassy, Tel Aviv(ทุกเรื่องเมืองยิว)แจ้งว่าสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ จะปิดทำการ เนื่องด้วยสถานการณ์ความไม่ปลอดภัย ในอิสราเอลขณะนี้ และ ตามมาตรการของทางการอิสราเอลจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง

ทั้งนี้ หากคนไทยมีกรณีเร่งด่วนฉุกเฉิน หรือประสงค์จะขอความช่วยเหลือ โปรดติดต่อหมายเลขสายด่วนสำหรับคนไทย – ฝ่ายกงสุล 054-636-8150 050-367-3195 – ฝ่ายแรงงาน 054-469-3476 050-220-2156 ด้วยความห่วงใย สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากระทรวงต่างประเทศ เผยแพร่แถลงการณ์มีใจความ ดังนี้ ประเทศไทยห่วงกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการขยายตัวของความขัดแย้งและการโจมตีที่ยกระดับโดยฝ่ายต่าง ๆ ซึ่งเป็นภัยคุกคามอย่างร้ายแรงต่อสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคและเสี่ยงที่จะยกระดับเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งเป็นอันตรายและส่งผลกระทบต่อประชาชนพลเรือนจำนวนมาก

ประเทศไทยขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการใช้ความรุนแรงโดยทันที โดยให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี สอดคล้องตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ กฎบัตรสหประชาชาติ และกฎหมายมนุษยธรรม และเพื่อหลีกเลี่ยงความสูญเสียเพิ่มเติม

กระทรวงการต่างประเทศร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างแข็งขัน ภายใต้ศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน (Rapid Response Center: RRC) ในการให้ความช่วยเหลือให้คนไทยเดินทางออกจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วนและปลอดภัย

ที่รัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ให้สัมภาษณ์กรณีสถานการณ์โลกในพื้นที่ตะวันออกกลาง ที่ทางอิหร่านเตรียมปิดช่องแคบฮอร์มุส จะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันโลกหรือไม่ว่า ครั้งนี้โชคดีที่การปิดช่องแคบฮอร์มุสอาจจะต้องใช้ระบะเวลาสักระยะ แม้ว่าจะผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติอิหร่านแล้ว แต่ยังต้องไปขอความเห็นชอบจากสภาความมั่นคงอิหร่าน ถือว่าเรายังพอมีเวลาที่จะเตรียมตัว ถึงแม้ว่าเราจะมีกองทุนน้ำมันสำรองไว้ 60 วัน แต่นักวิเคราะห์ก็มองว่าการปิดช่องแคบฮอร์มุสครั้งนี้จะมีผลยาวนานกว่าที่คาด ขณะที่ส่วนสำคัญอีกส่วนคือก๊าซ LNG ที่เราอาจจะนำเข้าจากกาตาร์ ก็อาจจำเป็นต้องหาแหล่งเพิ่มเติม หรือเตรียม LNG สำรองไว้เพื่อใช้ผลิตไฟฟ้า และพลังงาน

เมื่อถามว่า รัฐบาลควรเริ่มดำเนินการเลย หรือควรรอดูสถานการณ์การปิดช่องแคบฮอร์มุส น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ควรจะเตรียมตัวตั้งแต่วันนี้ ถึงแม้ราคาน้ำมันตลาดโลกในขณะนี้ยังไม่ได้เพิ่มสูงมากนัก แต่เมื่อเหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ ก็มีการคาดการณ์กันว่าราคาน้ำมันอาจจะทะลุ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์ก็อาจเป็นไปได้ หากยิ่งเตรียมความพร้อมเร็วก็ยิ่งดี เพราะภาระค่าครองชีพที่มาจากน้ำมันเป็นภาระที่ค่อนข้างใหญ่กับประชาชนทั่วไป ก็อาจจะต้องเตรียมพร้อมงบฯจำนวนหนึ่งเพื่อช่วยลดค่าครองชีพประชาชนที่มีรายได้น้อย