28 สิงหาคม 2568 สำนักข่าว khmer times ของกัมพูชาได้รายงานว่า นายแก้ว รามี ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนกัมพูชา (CHRC) ได้ส่งจดหมายอย่างเป็นทางการถึงนายเฟรดริก มัลมเบิร์ก ผู้อำนวยการสถาบันสิทธิมนุษยชนสวีเดน เพื่อเรียกร้องให้มีการพิจารณาทบทวนการขายเครื่องบินขับไล่ Gripen (E/F) ให้กับประเทศไทย เพื่อยึดมั่นในหลักการสิทธิมนุษยชน

นายแก้ว เขียนว่า “ในนามของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนกัมพูชา (CHRC) ผมขอแสดงความเคารพและชื่นชมอย่างสูงสุดต่อราชอาณาจักรสวีเดน สวีเดนยืนหยัดต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตย และสันติภาพมาหลายทศวรรษ เป็นแบบอย่างอันสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกประเทศในการธำรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีและความยุติธรรมสำหรับประชาชนทุกคน”

ด้วยความเป็นผู้นำทางศีลธรรมอันยาวนานของสวีเดน เราจึงจำเป็นต้องแสดงความกังวลอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับข้อตกลงการขายเครื่องบินขับไล่กริพเพน (E/F) ให้แก่กองทัพไทย ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน การขายเช่นนี้ไม่เพียงแต่จะบั่นทอนสันติภาพและความมั่นคงเท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดความเสี่ยงอย่างร้ายแรงที่เครื่องบินลำนี้จะถูกนำไปใช้ในการรุกรานกัมพูชา ซึ่งจะทำให้พลเรือนตกอยู่ในอันตรายและคุกคามอธิปไตยของชาติ

ดังที่ท่านทราบ ในอดีตเคยมีกรณีที่เครื่องบินทหารไทยถูกส่งไปในลักษณะที่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างน่าเศร้าแก่พลเรือนชาวกัมพูชา การอนุมัติการเคลื่อนย้ายดังกล่าวในปัจจุบันมีความเสี่ยงที่จะทำให้กองทัพไทยต้องเผชิญเหตุการณ์ซ้ำรอยอีกครั้ง

ภายใต้กฎบัตรสหประชาชาติ อนุสัญญาเจนีวา และกฎหมายระหว่างประเทศอื่นๆ รัฐต่างๆ ถูกเรียกร้องให้หลีกเลี่ยงการกระทำที่อาจเอื้อต่อการรุกรานหรือบั่นทอนสันติภาพในภูมิภาคโดยอ้อม ในบริบทนี้ ความร่วมมือด้านกลาโหมระหว่างสวีเดนกับไทยมีความเสี่ยงที่จะถูกมองว่าไม่ใช่การค้าที่เป็นกลาง แต่เป็นการกระทำที่เอื้ออำนวยซึ่งอาจส่งเสริมการยกระดับทางการทหารและการรุกรานจากไทยที่นำไปสู่ความทุกข์ทรมานของผู้คน

สวีเดนมีชื่อเสียงระดับนานาชาติที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงในด้านการปกป้องสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกัมพูชา การขายอาวุธยุทโธปกรณ์ดังกล่าวถือเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามและขัดแย้งอย่างสิ้นเชิงกับความสำคัญอันยาวนานของสวีเดนในการสนับสนุนสิทธิมนุษยชน สวีเดนต้องมั่นใจว่านโยบายการค้าอาวุธไม่ได้ถูกชี้นำโดยปัจจัยทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่จะต้องยึดถือพันธสัญญาที่แท้จริงต่อสิทธิมนุษยชน สันติภาพ และการป้องกันความทุกข์ยาก

เราขอความกรุณาจากสถาบันสิทธิมนุษยชนสวีเดนให้ดำเนินการดังนี้:

1. คัดค้านอย่างรุนแรงต่อการขายเครื่องบินขับไล่ Gripen (E/F) ให้กับประเทศไทยภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน

2. เรียกร้องให้รัฐบาลสวีเดนทบทวนและพิจารณาการขายอีกครั้ง รวมถึงดำเนินการประเมินความเสี่ยงตามสิทธิมนุษยชนอย่างโปร่งใสและละเอียดถี่ถ้วนให้สอดคล้องกับภาระผูกพันตามกฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง

3. สนับสนุนกลไกสันติวิธีในการแก้ไขข้อพิพาทชายแดนกัมพูชา-ไทย โดยไม่ก่อให้เกิดการสู้รบรุนแรงขึ้นอีก

CHRC เชื่อมั่นในความเป็นผู้นำทางศีลธรรมของสวีเดน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสถาบันอันทรงเกียรติของท่านจะยึดมั่นในมรดกของสวีเดนในการส่งเสริมสันติภาพและสิทธิมนุษยชน การงดเว้นการติดอาวุธแก่ผู้รุกรานไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของกฎหมายระหว่างประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของมโนธรรมอีกด้วย

กัมพูชายังคงมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ที่จะแสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหาความขัดแย้งโดยสันติตามกฎหมายระหว่างประเทศและกรอบสิทธิมนุษยชนระดับภูมิภาค CHRC ขอใช้โอกาสนี้แจ้งและขอความร่วมมือจากสถาบันของท่านในการเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวและส่งตัวทหารกัมพูชาที่เหลืออีก 18 นาย ซึ่งขณะนี้ถูกควบคุมตัวโดยกองทัพไทย โดยทันทีและไม่มีเงื่อนไข ซึ่งถูกกองกำลังทหารไทยจับกุมตัวโดยมิชอบด้วยกฎหมาย

ที่มา : khmertimeskh