29 สิงหาคม 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย ถูกปลดออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ หลังจากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าเธอละเมิดมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ในระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์ที่ก่อให้เกิดข้อโต้แย้งกับฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เกี่ยวกับข้อพิพาทเรื่องพรมแดนระหว่างสองประเทศ

ศาลตัดสินว่าแพทองธารล้มเหลวในการปกป้องผลประโยชน์ของชาติไทยในคำร้องที่รั่วไหลออกมาเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน โดยให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของกัมพูชาในลักษณะที่บ่อนทำลายอธิปไตยของไทย ในคำพิพากษา ศาลระบุว่าการกระทำของเธอเป็น “การละเมิดมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง” และสั่งให้เธอยุติสถานะรัฐมนตรีโดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม คำพิพากษานี้ยังยุบคณะรัฐมนตรีของเธอด้วย

คำพิพากษานี้ถือเป็นการตกต่ำอย่างน่าตกใจของผู้นำหญิงวัย 38 ปี บุตรสาวคนเล็กของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร มหาเศรษฐีผู้ซึ่งขึ้นสู่อำนาจเมื่อไม่ถึงหนึ่งปีก่อน ช่วงเวลาสั้นๆ ของแพทองธารถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับการจัดการข้อพิพาทกัมพูชา ซึ่งบานปลายกลายเป็นการปะทะกันอย่างรุนแรงในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม

หลังจากคำพิพากษา พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรครัฐบาลได้ประกาศว่าจะเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ วัย 76 ปี เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ชัยเกษม ซึ่งเป็นนักการเมืองอาวุโสและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นบุคคลที่มั่นคงและประนีประนอมภายในรัฐบาลผสม

ภายหลังการเสนอชื่อ ชัยเกษม ได้กล่าวอย่างไม่ใส่ใจถึงความกังวลเกี่ยวกับอายุและความสามารถของตนเองว่า “บทบาทของนายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องมีคุณสมบัติพิเศษใดๆ” เขากล่าว “ธรรมาภิบาลต้องเป็นไปตามวิถีทางธรรมชาติ” แม้จะเกิดความวุ่นวาย แต่พรรคเพื่อไทยก็ย้ำว่า รัฐบาลผสมระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพันธมิตรอื่นๆ ยังคงดำเนินอยู่

พายุทางการเมืองเริ่มต้นขึ้นเมื่อบันทึกเสียงการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างแพทองธารกับฮุนเซนถูกรั่วไหลเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน โดยเธออ้างถึงพลโทบุญสิน พัดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ผู้รับผิดชอบดูแลชายแดน ว่า “อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเธอ” นักวิจารณ์กล่าวหาว่าเธอบ่อนทำลายกองทัพและให้ความเคารพฮุนเซนมากเกินไป ถึงขนาดเรียกเขาว่า “ลุง”

สมาชิกสภานิติบัญญัติฝ่ายค้านกล่าวว่า น้ำเสียงและคำพูดของเธอเปรียบเสมือนการเอาผลประโยชน์ส่วนตัวและผลประโยชน์ทางการเมืองมาอยู่เหนือศักดิ์ศรีและความมั่นคงของชาติ ภายใน 24 ชั่วโมงหลังการรั่วไหลของข้อมูล สมาชิกวุฒิสภา 36 คน ซึ่งสนับสนุนพรรคภูมิใจไทย ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ถอดถอนเธอออกจากตำแหน่ง

แพทองธาร ได้กล่าวขอโทษ แต่ยืนยันว่าคำพูดของเธอเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ทางการทูตเพื่อคลี่คลายความตึงเครียด ไม่ใช่เพื่อบั่นทอนสถานะของประเทศไทย

เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ศาลได้ลงมติ 7 ต่อ 2 เสียง ให้พักราชการแพทองธาร ในระหว่างการพิจารณาคดี ความตึงเครียดบริเวณชายแดนได้ทวีความรุนแรงขึ้นเป็นเหตุปะทะกันอย่างรุนแรงเป็นเวลา 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม ถึง 28 กรกฎาคม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบคน และทำให้ประชาชนกว่า 260,000 คนต้องพลัดถิ่น