5 กันยายน 2568 ผู้ใช้เฟซบุ๊ก "Moon Pich" ได้ออกมาโพสต์ข้อความเป็นภาษาเขมร ระบุว่า ด้านล่างนี้คือจดหมายที่จะส่งถึงประธานคณะกรรมการกิจการระหว่างประเทศของรัฐสภาสวีเดนในสัปดาห์หน้า เกี่ยวกับการซื้อเครื่องบินรบกริพเพน จนถึงขณะนี้ เราได้รับลายเซ็นแล้ว 1,214 รายชื่อ เราต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากคุณเพื่อสนับสนุนคำร้องนี้ โปรดลงทะเบียนตามลิงก์ที่ทีมงานของเราจัดเตรียมไว้ด้านล่าง : พร้อมทั้งได้แปะลิ้งก์ Google Form สำหรับกรอกข้อมูล หมายเหตุ : ชื่อของคุณจะรวมอยู่ในจดหมายฉบับอื่นๆ ที่จะส่งถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาของสหรัฐอเมริกา ขอบคุณ!
ซึ่งภายในลิงก์จาก Google Form ระบุข้อความว่า "เชิญชวนให้ครอบครัว เพื่อนฝูง เพื่อนร่วมงาน คนรู้จัก และประชาคมโลกร่วมสนับสนุนคำร้องนี้ เนื่องจากทหารไทยยังคงใช้ยุทธวิธีอันโหดร้ายรุกล้ำเข้ามาในดินแดนของกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นการใช้ฟอสฟอรัสโดยตรงกับทหารเขมร และพลเรือนผู้บริสุทธิ์ ติดตั้งรั้วลวดหนามขัดขวางชาวกัมพูชาไม่ให้กลับบ้าน หรือแม้แต่ส่งพลเมืองของตนเข้ามาในเขตแดนของกัมพูชาเพื่อร้องเพลงและเต้นรำเยาะเย้ย ขณะที่ประชาชนของกัมพูชารออยู่หลังเครื่องกีดขวาง"
ขณะเดียวกันก็ยังกล่าวหาว่าไทยทำลายแหล่งมรดกอันศักดิ์สิทธิ์และละเมิดข้อตกลงสันติภาพ แม้กระทั่งหลังจากข้อตกลงหยุดยิงมีผลแล้ว ฝ่ายไทยยังจับกุมทหารกัมพูชาไป 18 นายด้วยกลอุบายการจับมือที่สกปรก แต่พวกเขาก็ยังคงปฏิเสธที่จะปล่อยตัว
ข้อความบนเฟซบุ๊กยังได้แนบหนังสือจ่าถึงนายอารอน เอมิลส์สัน (Aron Emilsson) ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศของรัฐสภาสวีเดนด้วย เพื่อร้องขอให้สวีเดนระงับการขายเครื่องบินขับไล่กริพเพนให้กับประเทศไทย
เนื้อหาในหนังสือระบุว่า "พวกเรา ในนามของกลุ่มนักวิชาการกัมพูชา (Cambodian Scholar Team) เขียนจดหมายฉบับนี้เพื่อเรียกร้องให้รัฐสภาสวีเดนทบทวนแผนการใดๆ ที่จะกระชับความร่วมมือทางทหารกับราชอาณาจักรไทยโดยทันที ซึ่งรวมถึงการขายเครื่องบินขับไล่กริพเพน ในขณะที่ความขัดแย้งชายแดนกับกัมพูชายังคงไม่คลี่คลาย ดังที่ท่านทราบดีว่า ราชอาณาจักรไทยได้เปิดฉากการรุกล้ำดินแดนกัมพูชาอย่างก้าวร้าวเมื่อไม่นานมานี้ ทำให้พลเรือนและทหารตกอยู่ในความเสี่ยงร้ายแรง"
"เป็นที่ทราบกันดีว่า เมื่อเร็วๆ มานี้ ราชอาณาจักรไทยพยายามขยายขีดความสามารถทางการทหารผ่านการทำสัญญาด้านกลาโหมและการจัดซื้ออาวุธใหม่ๆ ซึ่งรวมถึงข้อตกลงที่อาจเกิดขึ้นกับสวีเดน การทำข้อตกลงดังกล่าวในขณะนี้ไม่เพียงแต่จะไม่เหมาะสมเท่านั้น แต่ยังขัดแย้งกับพันธกรณีอันยาวนานของสวีเดนในเรื่องสันติภาพและสิทธิมนุษยชนอย่างยิ่ง ในประเด็นนี้ เราจึงขอเรียกร้องให้รัฐสภาสวีเดนไม่ให้การสนับสนุนด้านอาวุธใดๆ หรือขยายข้อตกลงความร่วมมือทางทหารกับประเทศไทยเพิ่มเติม"
"สวีเดนได้รับการยอมรับจากทั่วโลกในฐานะหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักด้านการสร้างสันติภาพ สิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตย และความเป็นหุ้นส่วนระหว่างประเทศที่ยั่งยืน ดังนั้น การจัดหาอาวุธหรือขยายความร่วมมือทางทหารกับรัฐที่มีส่วนในการรุกรานดินแดน จะเป็นการบ่อนทำลายค่านิยมหลักเหล่านี้ และส่งสารที่ผิดไปยังประชาคมระหว่างประเทศ การปฏิเสธการสนับสนุนทางทหารแก่ประเทศไทยในสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างกัมพูชาและไทยนี้ สวีเดนจะสามารถส่งเสียงที่ชัดเจนว่าไม่ยอมรับการรุกรานด้วยอาวุธ และยืนหยัดอย่างมั่นคงในฝ่ายการสร้างสันติภาพและเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ"
ในช่วงท้ายของหนังสือฉบับนี้ ทางกลุ่มนักวิชาการกัมพูชา (Cambodian Scholar Team) ขอเรียกร้องให้รัฐสภาสวีเดนพิจารณาเรื่องสำคัญนี้อย่างจริงจัง และให้ความสำคัญกับการทูตเพื่อสันติภาพและมนุษยธรรมมากกว่าข้อตกลงด้านอาวุธในช่วงเวลาแห่งความขัดแย้ง เนื่องจากชาวกัมพูชาไม่ได้มองว่าสวีเดนเป็นเพียงพันธมิตรที่คอยสนับสนุนเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้เล่นคนสำคัญในการสร้างสันติภาพทั่วโลกด้วย
ทางกลุ่มเชื่อมั่นว่า การชะลอข้อตกลงทางทหารใดๆ กับประเทศไทยจนกว่าความขัดแย้งชายแดนจะสิ้นสุดลง จะเป็นการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมซึ่งสอดคล้องกับค่านิยมของสวีเดน และจะเสริมสร้างความเป็นผู้นำด้านจริยธรรมของสวีเดนในเวทีระหว่างประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่การปกป้องสันติภาพ ช่วยเหลือพลเรือนหลายพันคน และส่งเสริมเสถียรภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกัมพูชา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี