จลาจล‘เนปาล’ยังเดือดพล่าน  นักโทษแหกคุก!  หนีจากเรือนจำ1.3หมื่นคน

จลาจล‘เนปาล’ยังเดือดพล่าน นักโทษแหกคุก! หนีจากเรือนจำ1.3หมื่นคน

วันศุกร์ ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

จลาจล‘เนปาล’ยังเดือดพล่าน

นักโทษแหกคุก!

หนีจากเรือนจำ1.3หมื่นคน

กองทัพเจรจากลุ่มผู้ชุมนุม

เลือกผู้นำชั่วคราวคนใหม่

กองทัพเนปาลกลับมาเจรจากับกลุ่มผู้ประท้วง Gen Z อีกครั้ง เพื่อตัดสินใจเลือกผู้นำชั่วคราวคนใหม่ของประเทศ หลังจากเหตุประท้วงรุนแรงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 30 ศพ และบาดเจ็บเกินกว่า 1 พันราย สถานการณ์ยังวุ่น! นักโทษ1.3หมื่นราย หนีออกเรือนจำทั่วประเทศ สบโอกาสประท้วงเดือดสถานการณ์ในเนปาลเริ่มกลับเข้าสู่ความสงบหลังเกิดการจลาจลอย่างหนัก ล่าสุดกลุ่มผู้ประท้วงได้เสนอชื่ออดีตประธานศาลฎีกาให้ดำรงตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรี ขณะที่กองทัพเนปาลพร้อมกลับมาเจรจากับกลุ่มผู้ประท้วง “เจน ซี” (Gen Z) อีกครั้งในวันพฤหัสบดี เพื่อตัดสินใจเลือกผู้นำชั่วคราวคนใหม่ของประเทศ หลังจากเหตุประท้วงรุนแรงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 30 ราย และส่งผลให้นายกรัฐมนตรี เคพี ชาร์มา โอลี ต้องลาออกจากตำแหน่ง

สื่อต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันที่ 11 ก.ย. ที่ผ่านมา ทหารกองทัพเนปาลยังคงออกลาดตระเวนตามท้องถนนในกรุงกาฐมาณฑุและวางกำลังดูแลรักษาความปลอดภัยตามเมืองหลวงเป็นวันที่สอง หลังเหตุประท้วงนองเลือดต่อต้านรัฐบาลเมื่อวันจันทร์และวันอังคารที่ผ่านมา ขณะที่ยังคงบังคับใช้คำสั่งเคอร์ฟิวและห้ามรวมตัวชุมนุมเกือบตลอดเวลาต่อไป ทหารยังได้สั่งให้กลุ่มวัยรุ่นที่พยายามรวมตัวกันในพื้นที่แห่งหนึ่งของกรุงกาฐมาณฑุสลายตัว สถานการณ์คลี่คลายลงในเวลาไม่นาน


ด้านโฆษกกองทัพเนปาลเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ โดยอ้างถึงการหารือเรื่องผู้นำชั่วคราวคนใหม่ว่า การเจรจาเบื้องต้นกำลังดำเนินอยู่และจะดำเนินต่อไปในวันพฤหัสบดี กองทัพกำลังพยายามทำให้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติอย่างช้าๆ เที่ยวบินระหว่างประเทศยังคงเปิดให้บริการตามปกติ

ก่อนหน้านั้น เลขาธิการสมาคมเนติบัณฑิตยสภาของศาลฎีกา ซึ่งกลุ่มผู้ประท้วงมาขอคำปรึกษา กล่าวว่า กลุ่มผู้ประท้วงได้เรียกร้องให้นางสุชีลา คาร์กี อดีตหัวหน้าผู้พิพากษาศาลฎีกา มาเป็นนายกรัฐมนตรีชั่วคราว ซึ่งมีรายงานข่าวว่า เธอตอบตกลงคำเชิญมาเป็นนายกรัฐมนตรีเฉพาะกาลแล้ว

กระทรวงสาธารณสุขของเนปาลระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากการประท้วงเพิ่มขึ้นเป็น 30 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1,033 ราย จากการประท้วงครั้งนี้ที่ถูกเรียกขานว่าเป็นการประท้วง Gen Z เนื่องจากผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวที่แสดงความไม่พอใจต่อการที่รัฐบาลไม่สามารถต่อสู้กับการทุจริตและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจได้ ผู้ประท้วงได้ก่อเหตุจลาจล วางเพลิงเผาสถานที่ของรัฐหลายแห่ง ตั้งแต่อาคารรัฐสภา อาคารศาลฎีกา ไปจนถึงบ้านพักของรัฐมนตรี รวมถึงบ้านพักส่วนตัวของอดีตนายกรัฐมนตรี เคพี ชาร์มา โอลี สถานประกอบการทางธุรกิจหลายแห่งก็ถูกจุดไฟเผาด้วย เช่น โรงแรมหลายแห่งในเมืองท่องเที่ยวโปขรา และโรงแรมฮิลตันในกรุงกาฐมาณฑุ ก่อนที่การประท้วงจะเริ่มสงบลงหลังจากที่นายกรัฐมนตรีได้ลาออก ขณะที่กลุ่ม Gen Z ที่เป็นหัวหอกการชุมนุมระบุว่า พวกเขาไม่ได้เผาทำลายทรัพย์สินและกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของกลุ่มคนที่ฉวยโอกาส

ขณะเดียวกัน สื่อเนปาลรายงานว่า บาเลนดรา ชาห์ (Balendra Shah) วัย 35 แรปเปอร์แนวใต้ดินที่เป็นที่รู้จักของวัยรุ่นชาวเนปาลจากเพลง Balidan ซึ่งมีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์การเมืองที่ปล่อยออกมาในปี 2020 กำลังกลายเป็นบุคคลที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มคนรุ่นใหม่ในเนปาล ที่ต่างสนับสนุนให้เขามีบทบาทสำคัญในรัฐบาลชั่วคราว ถึงขนาดที่บางคนยกให้เขาเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ

ปี 2022 บาเลนดราได้ตัดสินใจลงเล่นการเมืองด้วยการลงสมัครรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีกรุงกาฐมาณฑุ ในฐานะผู้สมัครอิสระก่อนสร้างความเซอร์ไพรส์เอาชนะนักการเมืองพรรคใหญ่ๆ ด้วยคะแนนเสียง 61,767 คะแนน แม้ที่ผ่านมา เขาจะถูกสอบสวนเรื่องทุจริตคอรัปชั่นมูลค่า 130 ล้านรูปี จากการจัดซื้อและติดตั้งสัญญาณไฟจราจร ขณะที่เจ้าตัวระบุว่าเหตุที่นำงบไปใช้โดยไม่รอการอนุมัติก็เพื่อลดขั้นตอนจัดซื้อจัดจ้างที่ล่าช้า

ในช่วงที่เกิดการประท้วงอย่างรุนแรงในเนปาลตั้งแต่ต้นสัปดาห์ หลังจากรัฐบาลสั่งห้ามการใช้งานโซเชียลมีเดียถึง 26 แพลตฟอร์ม แม้เขาจะไม่ได้ออกมาเคลื่อนไหว แต่ก็มีการโพสต์ข้อความด่าอดีตนายกฯ ว่าเป็น “ผู้ก่อการร้าย” ผ่าน Instagram ที่มีคนติดตามกว่า 800,000 ราย ทำให้ผู้คนในสังคมออนไลน์ต่างพากันยกย่องเชิดชูให้เจ้าตัวเป็นผู้นำทางความคิด

สื่อต่างประเทศ รายงานว่า นักโทษหลบหนีออกจากคุกทั่วประเทศ ท่ามกลางประท้วงเดือดในเนปาล โดยเจ้าหน้าที่ของเนปาล กล่าวว่า มีนักโทษอย่างน้อย 13,000 คน หลบหนีออกจากเรือนจำในทั้ง 77 เขต ของเนปาล ระหว่างการประท้วงต่อต้านรัฐบาลอย่างรุนแรง มีรายงานว่า นายราบี ลามิชฮาเน อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับอิสรภาพจากเรือนจำกลางนาคูในลลิตปุระ

โดยผู้ต้องขังฉวยโอกาสจากการประท้วง และพยายามหลบหนีจากเรือนจำ ส่งผลให้เกิดการปะทะกันในเรือนจำหลายแห่งตั้งแต่วันอังคาร (9 ก.ย.) หนังสือพิมพ์ เดอะ ไรซิง เนปาล รายงานว่า “นักโทษเยาวชน 5 คน เสียชีวิต ระหว่างปะทะกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ที่เรือนจำเนาบาสตา ในเมืองบังเก เมื่อคืนวันอังคาร” เจ้าหน้าที่ควบคุมนักโทษที่หลบหนีออกจากเรือนจำ ณ กรุงกาฐมาณฑุ ในวันที่ 10 ก.ย. นอกจากนี้ หนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าว ได้อ้างคำกล่าวของสำนักงานเรือนจำฯว่า นักโทษเยาวชนทั้ง 5 ราย เสียชีวิต ส่วนอีก 4 ราย บาดเจ็บสาหัส เมื่อตำรวจเปิดฉากยิงในระหว่างการปะทะกัน นักโทษพยายามแย่งอาวุธของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเรือนจำ

เจ้าหน้าที่ ระบุว่า ผู้ต้องขังในเรือนจำ 149 ราย จากทั้งหมด 585 ราย และผู้ต้องขังจากสถานพินิจ 76 ราย จากทั้งหมด 176 ราย หลบหนีออกจากเรือนจำในระหว่างเกิดเหตุประท้วงรุนแรง

หนังสือพิมพ์ฉบับภาษาอังกฤษของเนปาล รายงานว่า มีผู้ต้องขังประมาณ 7,000 คนทั่วประเทศ หลบหนีจากเรือนจำต่างๆ และนักโทษข่มขู่เจ้าหน้าที่ขณะแหกคุก ขณะเดียวกัน รายงานระบุว่า ตอนนี้นักโทษที่กำลังรับโทษจากคดีอาชญากรรมต่างๆ ยังคงลอยนวล ทำให้ความกลัวครอบงำประชาชน

ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์ได้อ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยรายงานการหลบหนีจากเรือนจำหลายแห่ง เช่น Dillibazar (1,100 คน), Chitwan (700 คน), Nakkhu (1,200 คน), Jhumpka in Sunsari (1,575 คน), Kanchanpur (450 คน), Kailali (612 คน), Jaleshwar (576 คน), Kaski (773 คน), Dang (124 คน), Jumla (36 คน), Solukhumbu (86 คน), Gaur (260 คน) และBajhang (65 คน)

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top