16 ตุลาคม 2568 สำนักข่าว Korea JoongAng Daily (โคเรีย จุงอัง เดลี่) ของประเทศเกาหลีใต้ ได้นำเสนอข่าว "'61 days in hell': Korean man recounts being trafficked in Cambodia" เปิดใจชายชาวเกาหลีคนหนึ่งที่ตกเป็นเหยื่อของแก๊งอาชญากรรมในกัมพูชาและถูกขังอยู่ 61 วันเหมือนติดอยู่ในนรก เพราะถูกซ้อม ขายต่อ และถูกตำรวจกัมพูชาจับติดคุกหลังขอความช่วยเหลือ
'ฮอ มิน-จอง' (นามสมมุติ) วัย 40 ปี เดินทางไปเที่ยวพักผ่อนที่เมืองสีหนุวิลล์ ของกัมพูชาเพียงลำพัง เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม เขาเดินทางไปที่กาสิโนแห่งหนึ่งกับคนรู้จักชาวเกาหลี แล้วก็ได้พบกับกลุ่มชายชาวจีนที่คนรู้จักแนะนำมา พวกเขานั่งดื่มด้วยกัน ก่อนที่สถานการณ์จะพลิกผันกลายเป็นฝันร้ายที่ฮอเรียกว่า "นรก 61 วันในกัมพูชา"
เมื่อคนรู้จักลุกออกจากโต๊ะไป กลุ่มชายชาวจีนได้ล็อกประตู แล้วล้อมตัว 'ฮอ มิน-จอง' พร้อมกับเรียกค่าไถ่จากเขา กลุ่มชายชาวจีนบอกให้'ฮอ มิน-จอง'โทรหาเพื่อน และบอกว่าให้โอนเงินมา 5,000 – 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทยราว 160,000 - 320,000 บาท เพื่อแลกกับอิสรภาพ กลุ่มคนร้ายเอาทรัพย์สินของ'ฮอ มิน-จอง'ไปจนหมด เหลือไว้เพียงแค่โทรศัพท์มือถือ เขาจึงติดต่อขอความช่วยเหลือไปยังสถานทูตเกาหลีใต้ผ่านแอปเทเลแกรม
แต่ทางสถานทูตได้บอกให้เขากรอกเอกสารหลายฉบับและส่งรูปถ่ายของสถานที่ที่ถูกขังอยู่ ซึ่งเขาบอกว่ามันแทบเป็นไปไม่ได้เลย เพราะถูกจับตัวอยู่ สุดท้ายเขาตัดสินใจส่งข้อความสั้นๆ ไปแทนเพื่ออธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เขาบอกกับสถานทูตว่า ตึกที่เขาอยู่มีสภาพภายนอกเหมือนกับตึกทั่วไป แต่ตั้งแต่ชั้น 5 ถึงชั้น 20 เต็มไปด้วยออฟฟิศของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่สถานทูตตอบกลับมาว่า อาจต้องใช้เวลาสองถึงสามวัน
'ฮอ มิน-จอง' (นามสมมุติ) เล่าต่ออีกว่า เขาถูกทุบตีอยู่ 3 วัน และถูกบังคับให้อยู่ในท่าที่เจ็บปวด พอมีท่าทีอ่อนแรง เขาก็จะถูกทุบด้วยขวดหรือที่เขี่ยบุหรี่ ในวันที่สาม กลุ่มผู้ลักพาตัวได้ขายเขาต่อให้กับชายอีกคนหนึ่งที่รู้จักกันในชื่อ 'เม่น' ซึ่งเป็นนายหน้าชาวเกาหลี-จีน ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการขายบัญชีธนาคารให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งฮอเล่าว่า เม่นได้บอกกับเขาว่า เขาจะหาเงินได้ถ้าเข้าร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ต่อมา 8 กรกฎาคม ตำรวจกัมพูชาได้บุกเข้าตรวจค้นอาคารดังกล่าว แต่แทนที่จะจับกุมผู้กระทำผิดเพียงอย่างเดียว พวกเขากลับควบคุมตัว'ฮอ มิน-จอง'ไป เขาบอกว่าเขาต้องทำตัวเงียบๆ เพื่อไม่ให้ตำรวจและคนอื่นๆ รู้ว่าเขาเป็นคนแจ้งความ
'ฮอ มิน-จอง' ถูกขังอยู่ภายในห้องขังเล็กๆ ที่พื้นดินปูด้วยฟางและมีลูกกรงเปิดโล่งให้ฝนสาดเข้ามาภายในสถานีตำรวจกัมพูชา เขาเล่าว่าสภาพความเป็นอยู่นั้นเลวร้ายมาก เพราะมีจิ้งจกและแมลงสาบเต็มไปหมด ตอนแรกเขาคิดว่าจะได้รับการปล่อยตัว เพราะเป็นเหยื่อ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ จนในที่สุด เขาตัดสินแหกคุกออกมาแต่ก็ถูกจับได้ในอีกสองชั่วโมงต่อมา และถูกย้ายไปขังในห้องขังอีกห้องที่มีแออัดอย่างมาก ซึ่งเขาบรรยายว่า "เหมือนกับนรก" เพราะมีคนอยู่รวมกันมากถึง 35 คนในห้องที่มีขนาดเพียง 4X5 เมตร
พื้นลื่นไปด้วยเหงื่อ และอากาศก็หายใจแทบไม่ออก ความรู้สึกของเขาเหมือนถูกโยนลงไปในกองไฟ ผู้ต้องขังได้รับน้ำสกปรกวันละสองครั้ง และอาหารมื้อเล็กๆ สองมื้อ เป็นข้าวกับไข่ครึ่งฟอง 'ฮอ มิน-จอง' ถูกขังอยู่ที่นั่นนานประมาณ 5 สัปดาห์ นักโทษคนอื่นๆ บอกเขาว่า กลุ่มคนร้ายได้ติดสินบนตำรวจหลังถูกจับ โดยจ่ายเงิน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยราว 3.2 ล้านบาท ให้ผู้กำกับการตำรวจเพื่อพักในห้องแอร์ ก่อนจะได้รับการปล่อยตัว แม้กระทั่งฆาตกรที่ฆ่าคน 3 ศพยังจ่ายเงิน 20,000 ดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยราว 651,000 บาท แล้วเดินออกจากคุกได้ใน 4 วัน
ต่อมาในวันที่ 11 สิงหาคม 'ฮอ มิน-จอง' ถูกย้ายไปยังศูนย์กักกันคนเข้าเมืองที่มีห้องขังใหญ่ขึ้นมาหน่อย พวกเขาบอกกับฮอว่าเป็นการคุ้มครอง แต่เขารู้สึกว่าเหมือนถูกจองจำ เจ้าหน้าที่เรียกเงินจากเขา 1 ล้านวอน คิดเป็นเงินไทยราว 22,000 บาท เพื่อแลกกับการใช้โทรศัพท์ แต่เขาก็ยังไม่ได้พบกับเจ้าหน้าที่จากสถานทูตเกาหลีใต้เลย หลังจากผ่านไป 3 สัปดาห์ ในวันที่ 31 สิงหาคม ในที่สุด'ฮอ มิน-จอง' ก็ได้เดินทางกลับเกาหลีใต้ ด้วยความช่วยเหลือจากสำนักงานของ ส.ส. พัค ชานแด จากพรรคประชาธิปไตย 'ฮอ มิน-จอง' บอกว่าเขาได้กลับบ้านพร้อมกับเหยื่อคนอื่น ๆ และแม้ว่าเขาจะเป็นเหยื่อ แต่กลับถูกขังอยู่รวมกับอาชญากร และสถานทูตก็ทอดทิ้งพวกเขา ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าสภาพความเป็นอยู่ของพวกเขาเป็นอย่างไร
เรียบเรียงจาก : Korea JoongAng Daily
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี