16 ตุลาคม 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์ส (REUTERS) ได้ออกมาเผยแพร่รายงานพิเศษเหตุการณ์ทุ่นระเบิด PMN-2 ที่เป็นชนวนเหตุให้เกิดความขัดแย้งทางการทูตระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยฝ่ายไทยกล่าวหากัมพูชาว่าเป็นผู้วางทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน และระบุว่าระเบิด PMN-2 ทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างน้อย 6 นาย ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม อย่างไรก็ตาม กัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยระบุว่าทหารไทยอาจเหยียบระเบิดชนิดอื่นที่ไม่ใช่ PMN-2 ที่ถูกฝังไว้ในช่วงสงครามกลางเมือง
กองทัพไทยได้ให้สำนักข่าวรอยเตอร์เข้าถึงวิดีโอและภาพถ่ายที่ได้มาจากปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิด PMN-2 ของกองทัพไทย เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม รวมถึงเหตุระเบิดเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ระหว่างการลงพื้นที่ของหน่วยทหารไทยในแนวหน้าเมื่อเดือนสิงหาคม รอยเตอร์สได้ถ่ายภาพเศษซากที่เจ้าหน้าที่ทหารระบุว่าเก็บกู้ได้จากเหตุการณ์เหล่านั้น รวมถึงแสดงทุ่นระเบิดที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์อีกหลายสิบลูก ซึ่งฝ่ายไทยระบุว่าเก็บกู้มาจากแนวชายแดน
รอยเตอร์ได้ตรวจสอบข้อมูลเมทาดาตา (metadata) ของภาพถ่าย 7 ภาพที่ได้มา และระบุว่าภาพเหล่านี้ถูกถ่ายในช่วงเดียวกันกับปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดของไทยตามแนวชายแดน เมื่อวันที่ 18-23 กรกฎาคม อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเมทาดาตาไม่ได้ระบุข้อมูลตำแหน่งที่ตั้ง
รอยเตอร์สได้ขอให้ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านทุ่นระเบิด 4 คนประเมินหลักฐานดังกล่าว พวกเขาระบุว่าภาพเหล่านั้นแสดงให้เห็นว่า ทุ่นระเบิด PMN-2 ถูกนำมาวางใหม่แต่ผู้เชี่ยวชาญไม่ได้ระบุว่าใครเป็นผู้วาง
'แอนดรูว์ เวียน สมิธ' ผู้เชี่ยวชาญอิสระในสหราชอาณาจักร กล่าวว่าสภาพของระเบิด PMN-2 ในภาพที่ถ่ายโดยกองทัพไทยและรอยเตอร์บ่งชี้ว่า มันถูกฝังอยู่ในดินไม่เกินสองถึงสามเดือน พร้อมระบุว่า ระเบิด PMN-2 ที่เก่าแล้วจะมีสัญญาณบ่งชี้ที่ชัดเจน เช่น ปลอกพลาสติกจะเปราะบางลงตามกาลเวลา แผ่นยางจะด้านลง และมีดินเข้าไปสะสมตามร่อง
ขณะที่เยชัว โมเซอร์-พวงสุวรรณ จาก Landmine Monitor ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งขององค์การรณรงค์เพื่อการห้ามทุ่นระเบิดสากล (International Campaign to Ban Landmines) ชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านั้นไม่ได้ถูกปกคลุมด้วยรากไม้และพืชพรรณอย่างที่ควรจะเป็น หากมันถูกฝังอยู่ในดินเป็นเวลานาน
ทางหน่วยงานปฏิบัติการทุ่นระเบิดและช่วยเหลือผู้ประสบภัยแห่งกัมพูชา (CMAA) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลกิจการเก็บกู้ทุ่นระเบิดของรัฐบาลกัมพูชาได้แจ้งกับรอยเตอร์สว่า การจะสรุปเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวได้นั้นจำเป็นต้องมีการสืบสวนโดยบุคคลที่สามที่เป็นกลางเสียก่อน พร้อมเสริมว่ากองทัพกัมพูชาไม่มีคลังเก็บทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ยังใช้งานได้
'ลี ทุช' รองประธานคนแรกของ CMAA กล่าวว่า การเห็นแค่ภายนอกเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถระบุถึงอายุของทุ่นระเบิดได้ เพราะปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมและการถูกรบกวนสามารถทำให้วัตถุที่ถูกฝังมานานดูค่อนข้างใหม่ได้ การกัดเซาะของดิน น้ำท่วม และการเปลี่ยนแปลงของพืชพรรณ อาจทำให้ทุ่นระเบิดเก่าดูใหม่กว่าที่เป็นจริงได้
ต่อมา โมเซอร์-พวงสุวรรณ แย้งว่า น้ำท่วมอาจทำให้ทุ่นระเบิดเคลื่อนย้ายได้ แต่ไม่สามารถทำให้มันดูใหม่ได้ เช่นเดียวกับ 'แอนดรูว์ เวียน สมิธ' ที่กล่าวว่า หากไม่นับเรื่องการไม่มีสัญญาณบ่งชี้ความเก่าอื่นๆ ก็เชื่อว่าน้ำท่วมไม่สามารถทำความสะอาดทุ่นระเบิดเหล่านี้ แล้วฝังมันกลับไปอย่างเรียบร้อยอีกครั้งได้
ขณะเดียวกัน รอยเตอร์สยังได้รายงานโดยอ้างอิงโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของไทยที่ระบุว่า การสืบสวนของรัฐบาล สรุปว่าทุ่นระเบิดที่ทำให้ทหารบาดเจ็บเป็นระเบิด PMN-2 ที่ถูกนำมาวางใหม่
ก่อนหน้านั้นทางหน่วยงานปฏิบัติการทุ่นระเบิดและช่วยเหลือผู้ประสบภัยแห่งกัมพูชา (CMAA) ได้ระบุในแถลงการณ์ต่อสาธารณะว่า ระเบิดที่เกิดการระเบิดเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ไม่ใช่ PMN-2 แต่ชี้ว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่มีต้นกำเนิดจากอเมริกา จีน หรือเวียดนาม เมื่อรอยเตอร์สถามว่าทำไมถึงสรุปเช่นนั้นได้ นายลี ทุชตอบกลับว่า เป็นการประเมินเบื้องต้นจากรูปแบบการบาดเจ็บตามที่มีรายงาน โดยอ้างอิงจากข้อมูลสาธารณะที่จำกัด
อย่างไรก็ตาม สมิธระบุว่าจากภาพถ่ายของรอยเตอร์สที่แสดงให้เห็น “ตัวหน่วงเวลาการจุดชนวน (initiation delay bellows)” ซึ่งเป็นส่วนที่ถูกบีบอัดเพื่อกระตุ้นกลไกการทำงานของระเบิด จากภาพถ่ายของเศษซากจากเหตุระเบิดเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม และ ลวดสปริงจากภาพถ่ายเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม แสดงให้เห็นว่าทั้งสองอย่างนี้เป็นลักษณะเฉพาะของ PMN-2 แต่ลี ทุช แก้ต่างว่าการระบุชิ้นส่วนจากภาพถ่ายนั้นมีข้อจำกัด และยังไม่มีหลักฐานที่ตรวจสอบได้ว่ามีการกักตุนหรือการใช้ทุ่นระเบิดโดยไม่ได้รับอนุญาตในพื้นที่ดังกล่าว
กัมพูชาจะพยายามเก็บกู้ทุ่นระเบิดมาโดยตลอด แต่ทุ่นระเบิด PMN-2 ซึ่งเป็นหนึ่งในชนิดที่ถูกนำมาใช้บ่อยที่สุดในกัมพูชา ยังคงตกค้างอยู่ตามชนบท โดย CMAA ระบุว่ามีการค้นพบและกู้ทุ่นระเบิด PMN-2 ไปแล้วประมาณ 1,800 ลูก นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2566
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี