เกาหลีเหมาลำ
ขน64โสมขาวพ้นกัมพูชา
ตั้งข้อหาฉ้อโกงหลอกลวง
รัฐบาลเกาหลีใต้ ส่งเครื่องบินเช่าเหมาลำไปรับตัวพลเมือง 64 คน ที่ถูกควบคุมตัวในกัมพูชากลับถึงประเทศแล้ว หลังถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการลวงออนไลน์และอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติ
เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม “สำนักข่าวไทย”รายงานเจ้าหน้าที่ตำรวจเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ชาวเกาหลีใต้รวม 64 คน ที่ถูกควบคุมตัวในกัมพูชาจากข้อกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงทางออนไลน์ เดินทางกลับถึงประเทศเกาหลีใต้แล้วเมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ ด้วยเที่ยวบินเช่าเหมาลำ และส่วนใหญ่จะต้องเผชิญกับการสอบสวนทางอาญาในฐานะผู้ต้องสงสัย
สำนักข่าวยอนฮับ ของเกาหลีใต้รายงานว่า การส่งตัวกลับประเทศครั้งใหญ่ครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากกรณีการเสียชีวิตจากการถูกทรมานของนักศึกษาเกาหลีใต้คนหนึ่งที่ถูกล่อลวงให้ไปทำงานกับแก๊งอาชญากรรมในกัมพูชา ซึ่งสร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงในเกาหลีใต้เครื่องบินเช่าเหมาลำของสายการบินโคเรียนแอร์ พร้อมด้วยชาวเกาหลีใต้เหล่านี้เดินทางถึงสนามบินนานาชาติอินชอน เวลา 8:35 น. โดยประมาณตามเวลาท้องถิ่น ห้าชั่วโมงหลังจากเดินทางออกจากสนามบินนานาชาติเตโช ใกล้กรุงพนมเปญ
การเดินทางกลับถึงประเทศของพวกเขาเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่ทีมเฉพาะกิจของรัฐบาลเกาหลีใต้ถูกส่งไปยังกัมพูชาเพื่อช่วยเหลือพลเมืองเกาหลีใต้ที่พัวพันกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทางออนไลน์ที่ดำเนินการโดยองค์กรอาชญากรรม
รายงานระบุว่าพลเมืองเกาหลีใต้เหล่านี้ถูกควบคุมตัวทันทีที่ขึ้นเครื่องบิน และถูกนำตัวส่งไปยังสถานีตำรวจทั่วประเทศเพื่อทำการสอบสวนถึงการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางอาญา โดยตามกฎหมายแล้ว หมายจับสามารถดำเนินการได้ภายในเครื่องบินที่ติดธงชาติ เนื่องจากถือเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนเกาหลีใต้
นางคิม จี-นา (Kim Ji-na) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนที่สอง ซึ่งเป็นผู้นำทีมเฉพาะกิจร่วมของรัฐบาลเกาหลีใต้ที่ถูกส่งไปยังกัมพูชาเพื่อแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทางออนไลน์ กล่าวว่า การมาเยือนครั้งนี้ เกาหลีใต้ได้รับการยืนยันอีกครั้งถึงความตั้งใจของรัฐบาลกัมพูชาที่จะให้ความร่วมมือ และบรรลุข้อตกลงในการเสริมสร้างความร่วมมือทวิภาคีด้วยการจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจร่วมสำหรับอาชญากรรมดังกล่าว
เธอกล่าวเสริมว่า รัฐบาลเกาหลีใต้จะดำเนินการเพื่อสร้างระบบที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดอาชญากรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทางออนไลน์ในกัมพูชาที่มุ่งเป้าไปที่ชาวเกาหลีใต้ และจะใช้ระบบนี้อย่างจริงจัง
นายพัค ซอง-จู (Park Sung-joo) หัวหน้าสำนักงานสอบสวนแห่งชาติ และสมาชิกของทีมเฉพาะกิจ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ทางการกัมพูชาตกลงที่จะแจ้งให้เกาหลีใต้ทราบอย่างรวดเร็ว เกี่ยวกับการจับกุมพลเมืองเกาหลีใต้เพิ่มเติมในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทางออนไลน์ และว่า ทั้งสองประเทศจะแลกเปลี่ยนหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวง เช่น โทรศัพท์มือถือ เพื่อช่วยในการสอบสวนเบื้องต้นของคดีเหล่านี้
ในเดือนสิงหาคม มีการพบว่านักศึกษามหาวิทยาลัยเกาหลีใต้คนหนึ่งถูกทรมานและสังหารในกัมพูชา หลังจากถูกล่อลวงให้ไปยังประเทศดังกล่าวด้วยการเสนอตำแหน่งงานที่มีค่าตอบแทนสูงได้หนึ่งเดือน คดีดังกล่าวได้ดึงความสนใจมาสู่จำนวนพลเมืองที่เพิ่มขึ้น ซึ่งถูกล่อลวงไปยังกัมพูชาด้วยข้อเสนองานเงินเดือนสูง แล้วถูกบังคับให้ทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทางออนไลน์ที่มุ่งเป้าไปที่ชาวเกาหลีใต้ บ่อยครั้งภายใต้การกักขังและความรุนแรงจากแก๊งอาชญากรรม
ผู้ที่ถูกส่งตัวกลับมาถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทางออนไลน์ที่ตั้งอยู่ในอาคารของกลุ่มอาชญากรในกัมพูชา โดย 59 คนถูกควบคุมตัวหลังจากการกวาดล้างของทางการกัมพูชา ขณะที่ส่วนที่เหลือได้รับการช่วยเหลือหลังจากที่พวกเขาแจ้งว่าถูกกักขัง ส่วนใหญ่จะต้องเผชิญกับข้อหาทางอาญาในเกาหลีใต้ และบางรายมีชื่ออยู่ในประกาศหมายจับ “เรดโนติส” ของตำรวจสากล
ครั้งนี้ถือเป็นปฏิบัติการครั้งใหญ่ที่สุดของทางการเกาหลีใต้ในการนำตัวผู้กระทำความผิดชาวเกาหลีใต้กลับจากประเทศต่างชาติเพียงแห่งเดียว และเป็นปฏิบัติการส่งกลับประเทศครั้งที่สามในลักษณะนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 190 นาย ได้ขึ้นเครื่องบินไปด้วยเพื่อคุ้มกันผู้ถูกส่งตัวกลับ โดยที่สนามบินนานาชาติอินชอน มีรถยนต์ 23 คันเตรียมพร้อมเพื่อนำตัวผู้ต้องสงสัยไปยังสถานีตำรวจต่างๆ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี