22 ตุลาคม 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า 'ซิซา เจอร์นัล' (Sisa Journal) นิตยสารกระแสรายสัปดาห์ของเกาหลีใต้ ได้ออกมาเผยแพร่บทความใหม่ ที่อ้างว่าได้สัมภาษณ์หนึ่งในสมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เคยปฏิบัติงานอยู่ในประเทศไทย โดยตั้งชื่อบทความว่า "แก๊งมิจฉาชีพหลบหนีจากกัมพูชา และกลับมาดำเนินกิจการในไทยอีกครั้ง" โดยอ้างตั้งแต่วันที่ 17 - 21 ตุลาคมที่ผ่านมา ทาง 'ซิซา เจอร์นัล' ได้ติดต่อกับนายเอ (นามสมมุติ) ผู้จัดการระดับกลางที่รับผิดชอบจัดการและควบคุมดูแลแก๊งมิจฉาชีพในประเทศไทย
นายเอ (นามสมมุติ) เปิดเผยว่า กระบวนการคัดกรองผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไทยมีความเข้มงวดมากขึ้น หลังจากสื่อเกาหลีใต้ได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับคดีค้ามนุษย์ในกัมพูชาอย่างกว้างขวาง ผู้สื่อข่าวตั้งคำถามทันทีว่า "คุณจะทำแบบนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน?" นายเอ (นามสมมุติ) ตอบกลับว่า "ขอพูดแบบนี้นะครับ ผมเป็นผู้จัดการ และทำงานนี้มา 3 ปีแล้ว และผมไม่คิดว่ามันจะจบลงง่ายๆ ผมคิดว่ามันจะดำเนินต่อไปได้ดีในอีก 2-3 ปีข้างหน้า"
'ซิซา เจอร์นัล' ระบุว่า การหลอกลวงที่เกิดจากคดีค้ามนุษย์ในกัมพูชาดูเหมือนจะไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุด แม้ตำรวจเกาหลีใต้จะเริ่มร่วมมือกับเจ้าหน้าที่กัมพูชาและทุ่มเทอย่างเต็มที่ในการคลี่คลายคดี แต่การสืบสวนของ'ซิซา เจอร์นัล'เผยให้เห็นว่า แก๊งมิจฉาชีพดูเหมือนจะเยาะเย้ยความพยายามดังกล่าว และพยายามตั้งฐานปฏิบัติการในประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้าน
ต่อมา นายเอ (นามสมมุติ) ได้อธิบายขั้นตอนการเข้าประเทศไทยโดยย้ำว่าต้องไม่มีบันทึกการเข้าเมืองจากเมียนมา ลาว หรือกัมพูชา เนื่องจากการเข้าหรือออกจากประเทศดังกล่าวจะถูกสอบสวน มีเยาวชนชาวเกาหลีใต้จำนวนมากที่เดินทางไปยัง 3 ประเทศนี้บ่อยครั้ง กระทำผิดกฎหมาย และเจ้าหน้าที่กำลังติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด ดังนั้น จึงต้องจองตั๋วเครื่องบินมายังประเทศไทยโดยตรง ซึ่งแก๊งมิจฉาชีพมุ่งเป้าไปที่คนหนุ่มสาวในช่วงอายุ 20-30 ปีเป็นหลัก โดยล่อลวงว่า คุณสามารถทำเงินได้ 10 ล้านวอน หรือคิดเป็นเงินไทยราว 230,000 บาท/ต่อสัปดาห์ และ ไม่ต้องการคนอายุ 40 ปี โดยอ้างว่าทักษะและความสามารถในการสื่อสารของพวกเขาค่อนข้างต่ำไม่เหมาะกับการเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า "คนที่ไปจะต้องทำงานนานแค่ไหน?" นายเอ (นามสมมุติ) ตอบว่า เรากำลังมองหาคนที่เต็มใจทำงานอย่างน้อย 3 เดือน ยิ่งทำงานนานเท่าไหร่ก็ยิ่งมีรายได้มากขึ้นเท่านั้น ค่าจ้างจะจ่ายเป็นรายสัปดาห์ ไม่ใช่รายเดือน และพนักงานอาจมีรายได้ระหว่าง 10 ล้าน -15 ล้านวอน ขึ้นอยู่กับความสามารถ
งานแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอน ขั้นตอนแรกคือการโทรอย่างต่อเนื่องเพื่อค้นหาเป้าหมายที่เหมาะสม ขั้นตอนที่สองคือการสนทนาให้ราบรื่น และขั้นตอนที่สามคือหลอกเอาเงิน ซึ่งนายเอ (นามสมมุติ) อธิบายว่า ผู้ที่มีความเข้าใจในภาคการเงินเป็นอย่างดีจะอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมเป็นพิเศษที่จะรับมือกับขั้นตอนที่สามนี้
แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เขาอยู่มีกฎเกณฑ์เช่นกัน หนึ่ง ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันธรรมดา สอง ห้ามใช้ยาเสพติด เพราะหากมีปัญหาเกิดขึ้น พวกเขาต้องไปที่สถานีตำรวจ ซึ่งอาจทำให้องค์กรหลอกลวงนี้ถูกเปิดโปงได้ และสาม ห้ามเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลกับเพื่อนร่วมงาน โดยทางองค์กรของเขาจะขอเอกสารสำคัญ 3 อย่าง ได้แก่ ใบรับรองประกันสุขภาพ ประวัติอาชญากรรม และรูปถ่ายหน้าหนังสือเดินทาง
'ซิซา เจอร์นัล' ถามต่ออีกว่า ทำไมถึงต้องดูประวัติอาชญากรรม? เขาก็ตอบออกมาว่า "เคยมีกรณีที่มีคนขโมยเงิน 1 ล้านวอนจากโต๊ะทำงานภายในองค์กร หากเงินนั้นหาย คนที่มีประวัติอาชญากรรมจะถูกสงสัยก่อน"
ขณะที่ตำรวจเกาหลีและตำรวจกัมพูชากำลังดำเนินการช่วยเหลือเหยื่อชาวเกาหลีใต้ครั้งใหญ่ ดูเหมือนว่าองค์กรหลอกลวงนี้จะย้ายฐานไปยังประเทศไทยเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตำรวจติดตาม ซึ่ง ปัจจุบัน มีชาวเกาหลีใต้ 12 คนทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของเขา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี