12 พฤศจิกายน 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายบริเวณด้านนอกศาลแขวงในกรุงอิสลามาบัด เมืองหลวงของประเทศปากีสถาน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 ราย และบาดเจ็บอีก 27 คน โดยหลายรายอาการสาหัส

ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งเข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ ซึ่งเต็มไปด้วยเศษซากรถยนต์ที่ถูกไฟไหม้ และกระจกแตกกระจายทั่วบริเวณ ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า ผู้ก่อเหตุเป็นชายต้องสงสัยรายหนึ่งที่พยายามจะเข้าไปภายในอาคารศาล แต่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสกัดไว้ ก่อนที่เขาจะจุดชนวนระเบิดบริเวณประตูทางเข้าหลังจากรออยู่ด้านนอกราว 10 - 15 นาที

รัฐมนตรีมหาดไทยของปากีสถานเปิดเผยว่า มือระเบิดมีเป้าหมายโจมตีภายในศาล แต่ไม่สามารถผ่านจุดตรวจความปลอดภัยได้ จึงก่อเหตุระเบิดด้านนอกแทน เหตุการณ์นี้นับเป็นการโจมตีด้วยระเบิดฆ่าตัวตายครั้งแรกในรอบหลายปีที่เกิดขึ้นภายในกรุงอิสลามาบัด

ต่อมา กลุ่มก่อการร้าย ตอลิบานปากีสถาน ได้ออกแถลงการณ์อ้างความรับผิดชอบ โดยระบุว่าการโจมตีครั้งนี้มุ่งเป้าไปที่ “ผู้พิพากษา ทนายความ และเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย” ที่กลุ่มมองว่าขัดต่อหลักศาสนาอิสลาม พร้อมขู่ว่าจะก่อเหตุเพิ่มเติม “จนกว่ากฎหมายชารีอะห์จะถูกบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบ” ในประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นมุสลิมแห่งนี้

ด้านหน่วยงานความมั่นคงของปากีสถานได้ยกระดับการรักษาความปลอดภัยทั่วกรุงอิสลามาบัด รวมถึงพื้นที่สำคัญทางศาสนาและสถานทูตต่างประเทศ ขณะที่เจ้าหน้าที่สืบสวนกำลังตรวจสอบว่า มือระเบิดได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายใด

ในเวลาใกล้เคียงกัน ที่กรุงนิวเดลีของอินเดีย ก็เกิดเหตุ ระเบิดรถยนต์ใกล้ป้อมแดง (Red Fort) ซึ่งเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์สำคัญ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 11 ราย และบาดเจ็บกว่า 20 คน ทางการอินเดียยังไม่ยืนยันสาเหตุและยังไม่ตัดประเด็นก่อการร้ายทิ้ง โดยได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยในหลายเมืองใหญ่ทั่วประเทศ รวมถึงการตั้งด่านตรวจเข้มในตลาด ห้างสรรพสินค้า และสถานีขนส่งต่าง ๆ

หน่วยข่าวกรองทั้งปากีสถานและอินเดียกำลังจับตาความเคลื่อนไหวของกลุ่มหัวรุนแรงในภูมิภาคอย่างใกล้ชิด เนื่องจากสองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาใกล้กัน อาจสะท้อนถึงแนวโน้มการกลับมาของปฏิบัติการก่อการร้ายในเอเชียใต้