สื่อกัมพูชาจวกยับ! คณะAOTได้ยินเสียงยิงคือของจริง ซัดไทยกำลังมีปัญหากับทั้งอาเซียน

สื่อกัมพูชาจวกยับ! คณะAOTได้ยินเสียงยิงคือของจริง ซัดไทยกำลังมีปัญหากับทั้งอาเซียน

วันพฤหัสบดี ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 13.21 น.

20 พฤศจิกายน 2568 จากกรณีที่กระทรวงกลาโหมกัมพูชา ออกแถลงการณ์ว่า คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) ฝั่งกัมพูชา ระหว่างที่ตรวจสอบได้ยินเสียงอาวุธดังขึ้นทางฝั่งไทย ต่อมาน.อ.ธรรมนูธ วรรณา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด ยืนยันว่า เป็นเพียงทหารของฝ่ายกัมพูชาจัดฉากให้คล้ายคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน

ความคืบหน้าล่าสุด สำนักข่าวเฟรช นิวส์ (Fresh New) สื่อหลักของประเทศกัมพูชา รายงานว่า ฝ่ายไทยมักจะใช้ถ้อยคำเดิมๆ ปฏิเสธว่า "การกระทำของกัมพูชาไม่เป็นความจริง หลอกลวง หรือไม่ใช่การกระทำของไทย" ซึ่งเหตุการณ์ใช้อาวุธต่อหน้าคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) "จะทำให้ไทยไม่สามารถปกปิดความจริงได้อีกต่อไป"


สื่อกัมพูชาบอกว่า เหตุการณ์เมื่อวันที่ 19 พ.ย. ไม่ได้เกิดขึ้นลับหลังกลไกการสังเกตการณ์ของ AOT เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า แม้จะมีทีมผู้สังเกตการณ์ AOT อยู่ด้วย แต่ฝ่ายไทยก็ยังกล้าละเมิด ซึ่งถือเป็นการละเมิดปฏิญญาสันติภาพกัวลาลัมเปอร์อย่างร้ายแรง

รายงานว่าคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) มีบทบาทติดตามการปฏิบัติตามปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ ตรวจสอบพื้นที่ชายแดน ตรวจสอบเหตุการณ์การยิงปืน การเคลื่อนพล หรือการระดมพล และติดตามการละเมิดใดๆ และรายงานต่อคณะกรรมการกลางว่าด้วยความร่วมมือระหว่างไทย-กัมพูชา (RBC/JBC) และการประชุมสุดยอดอาเซียน ดังนั้น เมื่อ AOT ได้ยินเสียงอาวุธโดยตรงจากฝ่ายไทยในวันที่ 19 พ.ย. ไม่ใช่เพราะกัมพูชาเป็นผู้แจ้ง แต่เป็นเพราะกลไกของอาเซียนเป็นผู้แจ้งและเห็นเหตุการณ์ด้วยตนเอง

สื่อกัมพูชา บอกอีกว่า ปัจจุบันไทยไม่สามารถแก้ตัวต่อไปได้ เพราะการใช้อาวุธเกิดขึ้นตรงหน้า AOT ซึ่งเป็นกลไกสังเกตการณ์ของกลุ่มอาเซียนทั้งหมด ไม่ใช่แค่กัมพูชา กัมพูชาคาดหวังว่า AOT จะรายงานการละเมิดนี้ต่ออาเซียนและประเทศที่เกี่ยวข้อง เช่น สหรัฐฯ เป็นต้น ซึ่งจะกลายเป็นพยานหลักฐานที่ปฏิเสธไม่ได้ถึงการที่ไทยละเมิดปฏิญญาสันติภาพกัวลาลัมเปอร์ หากไทยปฏิเสธ นั่นหมายความว่า ไทยปฏิเสธอาเซียน ไม่ใช่กัมพูชา ดังนั้น การละเมิดการยิงเพื่อบีบให้กลไกอาเซียนระงับการทำงาน จึงกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างไทยกับอาเซียน ไม่ใช่ระหว่างไทยกับกัมพูชา

สำนักข่าวเฟรช นิวส์ รายงานต่ออีกว่า การละเมิดสิทธิมนุษยชนนี้เกิดขึ้นมานานหลายปี ซึ่งกัมพูชาได้ยินแทบทุกวัน แต่เหตุการณ์เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 68 กลับแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เพราะเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นต่อหน้าคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน AOT โดยมีตัวแทนจากประเทศอื่นๆ เข้าร่วม และกลายเป็นข้อเท็จจริงที่ประเทศไทยไม่สามารถปกปิด ปฏิเสธ และบิดเบือนได้ ดังนั้น หากไทยยังคงปฏิเสธความรับผิดชอบ ไทยต้องเข้าใจว่า การปฏิเสธของไทยไม่ใช่คำตอบของกัมพูชาอีกต่อไป แต่เป็นการปฏิเสธต่อ AOT ซึ่งเป็นกลไกระหว่างประเทศภายใต้กรอบอาเซียน และเป็นพยานนานาชาติที่ได้ยินและเห็นเหตุการณ์ด้วยตาตนเอง

นี่คือชัยชนะครั้งสำคัญของแนวทางยุทธศาสตร์ "เงียบแต่ไม่เงียบ" ของกัมพูชา ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าด้วยความรุนแรง แต่อาศัยความแข็งแกร่งของกฎหมายระหว่างประเทศ ปฏิญญาสันติภาพกัวลาลัมเปอร์ และกลไกอาเซียน ในการแสดงความจริงให้โลกเห็น

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top