25 พฤศจิกายน 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายกรัฐมนตรีซานาเอะ ทาคาอิจิ ของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า  ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ได้โทรศัพท์หาเธอ หลังจากที่เขาสนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน และบอกเธอว่าสามารถโทรศัพท์หาเขาได้ทุกเมื่อ

เธอได้ย้ำเรื่องความร่วมมือใกล้ชิดกับสหรัฐฯ โดยการสนทนาครั้งนี้ประธานาธิบดีทรัมป์เป็นฝ่ายขอคุยกับเธอ โดยได้เล่าให้เธอฟังสั้นๆ ในเรื่องที่สนทนาทางโทรศัพท์กับผู้นำจีนเมื่อวันจันทร์ อีกทั้งยัง กล่าวด้วยว่า เขาและเธอเป็นเพื่อนที่ดีเยี่ยม เธอสามารถโทรศัพท์หาเขาได้ทุกเมื่อ 

อย่างไรก็ดี 'นายกรัฐมนตรีซานาเอะ ทาคาอิจิ' ไม่ขอให้รายละเอียดเพิ่มเติม รวมถึงเรื่องที่เธอแถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 ว่าหากจีนใช้กำลังทหารโจมตีไต้หวันอาจเป็นสถานการณ์ที่เป็นอันตรายต่อความอยู่รอดของญี่ปุ่น ซึ่งอาจทำให้ญี่ปุ่นต้องตอบโต้ เป็นคำกล่าวที่กลายเป็นชนวนเหตุให้ญี่ปุ่นเกิดข้อพิพาทกับจีนอยู่ในขณะนี้

ประธานาธิบดีทรัมป์ยังไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ต่อคำกล่าวของ'นางทาคาอิจิ' เรื่องไต้หวัน ขณะที่กระทรวงต่างประเทศจีนแถลงว่า ผู้นำสหรัฐฯ ได้บอกกับผู้นำจีนในการสนทนาทางโทรศัพท์เมื่อวานนี้ว่า เข้าใจดีถึงความสำคัญของประเด็นไต้หวัน 

ด้านนายมิโนรุ คิฮาระ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าวในการแถลงข่าววันนี้ว่า ความสัมพันธ์ที่มีเสถียรภาพระหว่างสหรัฐฯ กับจีนมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อญี่ปุ่นและประชาคมโลก แต่ไม่ขอแสดงความเห็นกรณีผู้นำจีนกล่าวกับผู้นำสหรัฐฯ ว่า การที่ไต้หวันกลับมาอยู่กับจีนเป็นส่วนสำคัญของระเบียบโลกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

จนถึงขณะนี้ผู้นำหญิงญี่ปุ่นยังไม่ยอมถอนคำพูดเรื่องไต้หวันตามที่รัฐบาลจีนเรียกร้อง แต่เผยว่ารัฐบาลพร้อมพูดคุยกับจีนในทุกระดับ ด้านสื่อท้องถิ่นรายงานว่า รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศญี่ปุ่นจะพบกับเอกอัครราชทูตจีนประจำญี่ปุ่นในวันนี้ เพื่อหารือประเด็นที่ค้างคาระหว่าง 2 ประเทศ และการตอบสนองในอนาคต

ซึ่งเมื่อวานนี้รัฐบาลจีนได้วิจารณ์แผนการของรัฐบาลญี่ปุ่นที่จะส่งหน่วยขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศพิสัยกลางไปยังเกาะโยนากุนิ ซึ่งเป็นเกาะของญี่ปุ่นที่อยู่ใกล้ไต้หวันมากที่สุดว่า เป็นความพยายามที่จะสร้างความตึงเครียดในภูมิภาคและยั่วยุการเผชิญหน้าทางการทหาร หลังจากเมื่อวานนี้ญี่ปุ่นได้ส่งเครื่องบินขับไล่ขึ้นบินทันที เนื่องจากตรวจพบโดรนจีนบินอยู่ระหว่างเกาะโยนากุนิและไต้หวัน