30 พฤศจิกายน 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สถานการณ์น้ำท่วมและดินถล่มล่าสุดในหลายประเทศของเอเชีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 600 ราย และยังสูญหายอีกจำนวนมาก รวมถึงสร้างความเสียหายใหญ่หลวง

ปกติแล้วในช่วงเวลานี้ของปี หลายประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้มักจะเผชิญฝนตกหนักจากฤดูมรสุม แต่ในปีนี้ยังเกิดพายุหลายลูกซ้ำเติมให้ฝนตกหนักเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ในหลายประเทศในเวลาไล่เลี่ยกัน ทั้งในพื้นที่ภาคใต้ของไทย ภาคเหนือของมาเลเซีย เกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย รวมถึงศรีลังกา

สถานการณ์ล่าสุดจนถึงเมื่อวานนี้ เหตุน้ำท่วมและดินโคลนถล่มจากฝนตกหนักในหลายจังหวัดบนเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย จากอิทธิพลของพายุหมุนเขตร้อนเซนยาร์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 303 ราย สูญหายอีกมากกว่า 300 คน อาคารบ้านเรือนเสียหายและจมอยู่ใต้น้ำหลายพันหลังคาเรือน รัฐบาลได้ส่งเครื่องบิน 4 ลำ บรรทุกสิ่งของช่วยเหลือไปยังพื้นที่ประสบภัย แต่เผชิญกับอุปสรรคด้านสภาพอากาศเลวร้าย

ขณะที่สถานการณ์ทางภาคใต้ของไทย นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศป.กฉ.) แถลงจำนวนยอดผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ ณ เวลา 8.00 น. วันที่ 29 พฤศจิกายน 2568 ว่า รวม 162 ราย ใน 8 จังหวัด ประกอบด้วย นครศรีธรรมราช 9 ราย พัทลุง 4 ราย สงขลา 126 ราย ตรัง 2 ราย สตูล 5 ราย ปัตตานี 7 ราย ยะลา 5 ราย นราธิวาส 4 ราย

ส่วนที่มาเลเซียมีรายงานผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมกว่า 10 ราย ด้านยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมและดินถล่มจากพายุไซโคลนดิตวะห์ (Ditwah) ในศรีลังกาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 153 ราย สูญหายอีกกว่า 190 คน บ้านเรือนกว่า 15,000 หลังเสียหาย ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนทั่วประเทศมากกว่า 500,000 คน ในจำนวนนี้กว่า 78,000 คนอพยพจากบ้านเรือนไปพักอาศัยตามศูนย์พักพิงชั่วคราวกว่า 800 แห่งทั่วประเทศ รัฐบาลต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน และจนขณะนี้ พื้นที่กว่า 1 ใน 3 ของประเทศยังไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปาใช้