4 ธันวาคม 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจ้าหน้าที่ในอินโดนีเซียและศรีลังกาเร่งเข้าช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากเหตุน้ำท่วมครั้งใหญ่ในพื้นที่ห่างไกลที่ถูกตัดขาด ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในอินโดนีเซีย ,ศรีลังกา ,ไทย และมาเลเซีย เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 1,500 ราย

โดยผู้รอดชีวิตเริ่มแสดงความไม่พอใจมากขึ้น ต่อความล่าช้าในการกู้ภัยและส่งความช่วยเหลือ ขณะที่องค์กรด้านมนุษยธรรมเตือนว่า ความท้าทายครั้งนี้เกือบจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แม้ในประเทศที่เผชิญภัยพิบัติทางธรรมชาติมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่ภัยพิบัติรอบนี้ซึ่งเกิดจากฝนตกหนักในฤดูมรสุม ประกอบกับพายุเขตร้อนสองลูกซึ่งเกิดขึ้นได้ยากมาก ทำให้ปริมาณน้ำฝนมากเป็นประวัติการณ์ในศรีลังกา บางส่วนของเกาะสุมาตราในอินโดนีเซีย ภาคใต้ของประเทศไทย และภาคเหนือของมาเลเซียเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

ในอินโดนีเซีย มีผู้เสียชีวิตที่ยืนยันแล้ว 770 ราย ตามรายงานของสำนักงานจัดการภัยพิบัติของประเทศเมื่อวานนี้ ปรับลดจากตัวเลข 812 ราย ที่ประกาศก่อนหน้านั้นในวันเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีผู้สูญหายอีก 647 ราย ใน 3 จังหวัด คือสุมาตราตะวันตก สุมาตราเหนือและอาเจะห์ หลายพื้นที่ยังถูกตัดขาดจากความเสียหายของน้ำท่วม รวมถึงไฟฟ้าดับและการสื่อสารขัดข้อง ระบบสภาพอากาศสุดขั้วที่ถล่มอินโดนีเซียยังทำให้เกิดฝนหนักในพื้นที่ภาคใต้ของไทย มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 176 คน และมาเลเซียที่มีผู้เสียชีวิต 2 คน

ส่วนที่ศรีลังกา ผู้เสียชีวิตจากพายุดิตวะฮ์พัดถล่ม จนทำให้เกิดฝนตกหนักและดินดคลนถล่มเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเช่นกันพุ่งเป็น 474 ราย ส่วนความหวังที่จะพบผู้สูญหายอีก 366 ราย ลดน้อยลงเรื่อยๆ ขณะที่ทางการศรีลังกาแถลงวานนี้ว่า จะต้องใช้เงินราว 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อฟื้นฟูบ้านเรือนและโครงสร้างพื้นฐานที่ถูกทำลายโดยพายุไซโคลน และว่าความช่วยเหลือทางการเงินจากต่างประเทศเป็นสิ่งจำเป็นในการสนับสนุนการฟื้นฟู เนื่องจากประเทศเพิ่งฟื้นตัวจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เลวร้ายที่สุดเมื่อ 3 ปีก่อน