วันอาทิตย์ ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ผู้หญิง
ภูมิบ้าน ภูมิเมือง : บ้านระจัน ภูมิวีรชนคนกล้าผู้รักแผ่นดิน

ภูมิบ้าน ภูมิเมือง : บ้านระจัน ภูมิวีรชนคนกล้าผู้รักแผ่นดิน

วันอาทิตย์ ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2558, 06.00 น.
Tag :
  •  

ภาพการสู้รบกลางแจ้งของวีรชนคนกล้า

การค้นหาคุณค่าของท้องถิ่นที่เป็นแหล่งประวัติศาสตร์นั้น นับวันมีความสำคัญต่อการเรียนรู้มากขึ้น นอกจากเป็นต้นทุนให้เกิดความรักชาติบ้านเมืองแล้ว ยังเป็นสิ่งสร้างความน่าสนใจต่อการเรียนรู้ถึงประวัติศาสตร์และการมีส่วนร่วมในแผ่นดินของตนเอง อาทิตย์นี้ขอตามรอยไปที่บ้านระจันจังหวัดสิงห์บุรี ด้วยเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมนั้น สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสิงห์บุรีได้จัดให้มีการเสวนาถึง บ้านระจัน วีรกรรมคนรักแผ่นดินขึ้น ณ ห้องประชุมประวัติศาสตร์จังหวัดสิงห์บุรี เพื่อให้มีการถ่ายทอดไปสู่เยาวชนและคนในพื้นที่ด้วยบ้านระจันนั้นมีค่ายของวีรชนปรากฏในประวัติศาสตร์เมื่อ พ.ศ.2308  ด้วย เป็นค่ายที่เกิดขึ้นเพื่อป้องกันตนของชาวบ้านเมืองสิงห์บุรีและเมืองต่างๆ ที่พากันมาตั้งที่มั่นเพื่อต่อสู้กับข้าศึกที่ยกทัพเข้ามาล้อมกรุงศรีอยุธยา ด้วยความกล้าหาญและความมีใจมั่นต่อแผ่นดินนั้นจึงทำให้ สามารถต้านทานการเข้าตีของทัพพม่าได้หลายครั้ง จนได้ชื่อว่า เป็นกองกำลังชาวบ้านที่เข้มแข็งกว่ากองทัพของกรุงศรีอยุธยาในสมัยนั้น จนมีกิตติศัพท์เลื่องลือถึงวีรกรรมความกล้าหาญทำให้มีการสร้างอนุสาวรีย์เพื่อรำลึกถึงวีรกรรมในอดีต โดยมีอุทยานการเรียนรู้และศูนย์ประวัติศาสตร์ฯ พร้อมกับสถานที่จริงคือค่ายบ้านระจันที่วัดโพธิ์เก้าต้น อันมีพระวิหารของพระอาจารย์ธรรมโชติ ที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย เหตุการณ์สู้รบในครั้งนั้นสืบความได้ว่าเมื่อ พ.ศ.2307 กองทัพพม่าโดยการนำของเนเมียวสีหบดีนั้นได้ปราบปรามศัตรูภายในแล้วได้ยกเลยเข้ามาเพื่อเข้าตีกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเดินทัพเข้ามาถึงดินแดนสยามเมื่อต้นเดือนมกราคม พ.ศ. 2308 กองทัพของเนเมียวสีหบดีได้ตั้งค่ายที่เมืองวิเศษชัยชาญ และออกลาดตระเวนกวาดต้อนทรัพย์สินและผู้คนทางเมืองวิเศษชัยชาญ ทำให้ราษฎรพากันโกรธแค้นและหนีภัยจนคบคิดกันต่อสู้กับพม่า ในเดือน 3 ชาวเมืองวิเศษชัยชาญ เมืองสิงห์บุรี เมืองสรรคบุรี และชาวบ้านใกล้เคียงพาวางอุบายล่อลวงทหารพม่า ทั้งรวบรวมผู้คนเป็นกำลังต่อสู้ ผู้นำชาวบ้านที่ปรากฏชื่อนั้นมี นายแท่น นายโชติ นายอิน นายเมือง ซึ่งวางแผนล่อลวงทหารพม่านำไปหาทรัพย์สิ่งของแล้วถูกนายโชติและพรรคพวกซุ่มอยู่บุกเข้ามาฆ่าฟันพม่าตายประมาณ 20 คน แล้วจึงพากันหนีไปตั้งค่ายที่บ้านระจัน ในเวลานั้นชาวบ้านใกล้เคียงต่างก็เข้ามาหลบอาศัยอยู่ที่บ้านระจันเป็นจำนวนมาก และมีพระอาจารย์ธรรมโชติ พระเถระที่มีคุณทางวิทยาคมมาเป็นหลักในค่าย จึงทำให้กลายเป็นค่ายใหญ่ ที่นายแท่นและผู้มีชื่อนั้นได้ชักชวนชาวบ้านได้อีกประมาณ 400 คนมาอยู่ที่บ้านระจัน หลังจากนั้นก็ออกค่ายสู้รบกับทัพพม่าหลายครั้งจนเป็นกองกำลังชาวบ้านที่ป้องกันตนเองและขัดขวางข้าศึกเข้ากรุงศรีอยุธยา ในบรรดาผู้นำชาวบ้านนั้นภายหลังได้มี ขุนสรรค์ พันเรืองนายทองเหม็น นายจันหนวดเขี้ยว นายทองแสงใหญ่ นายดอกไม้และนายทองแก้ว เข้ามารวมตัวกันตั้งกองฝึกคนและออกต่อสู้กับกองทัพพม่าจนตัวตายในที่สุดด้วยวีรกรรมอันกล้าหาญของชาวบ้านนั้นทำให้มีการสร้างอนุสาวรีย์ชาวบ้านระจันขึ้น ซึ่งมีคำจารึกไว้เป็นหลักฐานว่า “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเปิด ณ วันที่ 19 เดือนกรกฏาคม. พุทธศักราช 2519

จำลองหมู่บ้านในค่ายบ้านระจัน

เมื่อเดือนสาม ปีระกา พุทธศักราช 2308 นายจันหนวดเขี้ยว นายโชติ นายดอก นายทองแก้วนายทองเหม็น นายทองแสงใหญ่ นายแท่น นายเมืองพันเรือง ขุนสรรค์และนายอิน ได้เป็นหัวหน้ารวบรวมชาวบ้านตั้งค่ายต่อสู้พม่าที่บ้านบางระจัน มีพระอาจารย์ธรรมโชติ เป็นผู้ประสิทธิ์ประสาทวิทยาคมบำรุงขวัญตั้งแต่เดือนสี่ ปีระกา พุทธศักราช 2308 จนถึงเดือนเจ็ด ปีจอ พุทธศักราช 2309 วีรชนค่ายบางระจันได้ต่อสู้พม่าด้วยความกล้าหาญและด้วยกำลังใจอันเด็ดเดี่ยว ยอมสละแม้เลือดเนื้อและชีวิตเพื่อรักษาแผ่นดินไทยรบชนะพม่าถึงเจ็ดครั้ง จนพม่าครั่นคร้ามฝีมือ รัฐบาลและประชาชนชาวไทยจึงพร้อมใจกันสร้างอนุสาวรีย์นี้ขึ้น เพื่อประกาศเกียรติคุณของวีรชนค่ายบางระจันให้ยั่งยืนชั่วกาลนาน”

ดาบรบของชาวบ้านระจัน


ดังนั้น บ้านระจัน แม้ว่าจะถูกเปลี่ยนชื่อเดิมไปตามนิยายของไม้เมืองเดิมว่า บางระจัน ไปแล้วโดยรู้เท่าไม่ถึงข้อมูลจริง ก็คงถึงเวลาทบทวนประวัติศาสตร์สำคัญที่ปรากฏในเอกสารและความเป็นจริงให้มากขึ้น พร้อมกับนำเสนอเรื่องราวให้รู้สึกได้ว่า สถานที่แห่งนี้คือ ภูมิของวีรชนคนรักชาติรักแผ่นดินที่แท้จริง สำหรับคนทั้งแผ่นดินต้องมาเรียนรู้ ณ ที่แห่งนี้เท่านั้น

พระอาจารย์ธรรมโชติ

ภาพจำลองพระอาจารย์ธรรมโชติในค่าย

แม่นํ้าน้อยเส้นทางหลักของสิงห์บุรี

วันชัย ตระกูลเขียว ลูกหลานนายจันหนวดเขี้ยวกับวิทยากร

วิหารพระอาจารย์ธรรมโชติ

อิฐประทับตราดอกจันสมัยอยุธยาตอนปลาย

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

เช็กเรตติ้ง‘การเมือง’ไตรมาส4 วันนี้ปชช.เชียร์‘พรรค’ไหน-หนุนใครนั่ง‘นายกฯ’

สกู๊ปพิเศษ : ปลูกเมล็ดพันธุ์ความรู้ ต้านปัจจัยเสี่ยง

‘ทบ.’เลื่อนยศ 9 ขั้น 3 ทหารสละชีพ มอบเงินพระราชทาน-เงินช่วยเหลือ

เศรษฐศาสตร์วันหยุด : ภาคการลงทุนของไทย ใต้เงายอดตัวเลขขอรับBOI

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved