สวัสดีครับ ท่านผู้เลี้ยงแมวหลายท่านคงคุ้นเคย (และอาจสับสน) ระหว่าง “โรคไข้หวัดแมว” และ “โรคไข้หัดแมว” ครั้งนี้ เรามารู้จักโรค 2 โรคนี้กันครับ

โรคไข้หวัดแมว (Cat flu)

สาเหตุ

เป็นโรคติดต่อในระบบทางเดินหายใจ ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสได้หลายชนิด ได้แก่ Feline Herpe virus, Feline Calicivirus, Chlamydophilia เชื้อชนิดใดชนิดหนึ่ง หรือเกิดการติดเชื้อหลายชนิดพร้อมกันก็ได้ 

การติดต่อ

โรคนี้สามารถติดต่อได้จากการสัมผัสกับสิ่งคัดหลั่งต่างๆ เช่น น้ำมูก, น้ำตา โดยตรง หรืออาจติดทางอ้อมจากการปนเปื้อนเชื้อมากับอาหาร และสิ่งแวดล้อม ได้แก่ จากกรง จากอุปกรณ์รองนอน หรือจากสัมผัสผ่านผู้เลี้ยงก็ได้ สามารถพบได้บ่อยในแมวที่เลี้ยงรวมกันอย่างหนาแน่นมีระยะฟักตัวของโรคนาน 2-6 วัน 

อาการ  

แมวแต่ละตัวจะแสดงอาการหนัก-เบาได้ต่างกัน ขึ้นกับภาวะภูมิคุ้มกันของแต่ละตัว แมวป่วยมักจะแสดงอาการซึม,
มีไข้, น้ำมูก, ไอ, จาม, เยื่อบุตาและช่องปากอักเสบ, สามารถพบแผลหลุมในช่องปาก เหงือกและลิ้น แมวทำให้เจ็บปวดจนไม่กินอาหาร, มีน้ำลายไหลเลอะเทอะ กลิ่นปากและลมหายใจเหม็น ในรายที่ติดเชื้อรุนแรง อาจเกิดภาวะปอดบวมร่วมด้วย ลูกแมวอายุน้อยมักแสดงอาการรุนแรงกว่าแมวโต และมีโอกาสอาจเสียชีวิตได้ง่ายกว่าด้วย

การรักษา 

สัตวแพทย์จะให้ยาต้านไวรัส ร่วมกับปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการติดเชื้อแทรกซ้อน และรักษาตามอาการเช่นการให้ยาลดน้ำมูก ยาลดไข้ ยาแก้ไอ ยาลดการอักเสบ ยาหยอดตา
เพื่อลดปัญหาตาอักเสบ บางรายอาจต้องพ่นยาละลายเสมหะร่วมด้วย         

การดูแลสัตว์ป่วย

เราควรให้แมวป่วยกินอาหารอ่อน ในกรณีที่แมวไม่กินอาหารเองก็ต้องให้สารอาหารทดแทนรวมถึงสารน้ำเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำและอาหาร

การป้องกัน  

การทำวัคซีนป้องกันประจำปี รวมถึงทำวัคซีนในแมวที่จะนำมาเลี้ยงใหม่ และแยกเลี้ยงใหม่ออกจากแมวตัวอื่นก่อนนำมาเลี้ยงรวมกัน เพื่อเฝ้าดูอาการ ป้องกันการแพร่เชื้อจากแมวใหม่สู่แมวเดิมในบ้าน  ซึ่งในลูกแมวสามารถเริ่มทำวัคซีนได้ตั้งแต่อายุ 2 เดือนขึ้นไป หรือที่สัตวแพทย์เห็นสมควร

สิ่งที่สำคัญคือ โรคหวัดในแมวไม่ติดต่อมายังคนนะครับ ดังนั้นไม่ต้องตกใจไป หากคุณหมอบอกว่าเจ้าเหมียวของคุณป่วยเป็นไข้หวัดแมว ก็แค่แยกเลี้ยงตัวป่วยออกจากตัวอื่นๆ ก็พอครับ สัปดาห์หน้าเรามารู้จักโรคที่มีชื่อคล้ายกัน แต่ก็มีอันตรายมาก นั่นคือ “โรคไข้หัดแมว” ครับ