ชีวิตพลิกผันจากการทำงานกระทรวงการคลัง อู๋-นภัทร อัสสกุล ต้องออกมาบริหารธุรกิจโรงแรมในเครือ บัญดารา ของครอบครัว จนโด่งดังขยายสาขาไปหลายแห่ง ล่าสุดรายการ “ผู้หญิงแนวหน้ากับคุณแหน” ทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.00-16.25 น. ทางสถานี TNN2 ช่อง 784 ช่วง Focus On ขิม-ทิพย์ลดา พูนศิริวงศ์ ได้ตามไปพูดคุยถึงการบริหารงานและความสำเร็จในการประกอบธุรกิจ
อู๋-นภัทร อัสสกุล เล่าว่า “เริ่มทำงานที่กระทรวงการคลัง อยู่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง อยู่ได้ 5 ปี ก็ออกมาช่วยที่บ้านทำโรงแรมในเครือ บัญดารา ก็จะมีบัญดารา กรุงเทพฯ สมุย ภูเก็ต แล้วก็ระยอง หน้าที่รับผิดชอบตอนนี้เมนหลักก็ทำโรงแรม รวมทั้งเป็นกรรมการบริษัท โอเชี่ยนกลาส นอกนั้นก็เป็นธุรกิจเล็กๆ สนุกๆ
อู๋-นภัทร อัสสกุล และ พิธีกรรายการ ขิม-ทิพย์ลดา พูนศิริวงศ์
จุดเริ่มต้นของ บัญดารา ที่แรกคือที่สมุย คอนเซ็ปต์โรงแรม ออกแนวรีสอร์ทนิดๆ แล้วก็ปรับไปตามพื้นที่ เช่นที่กรุงเทพฯ ก็จะออกแนวบิสซิเนสโฮเต็ลหน่อยก็เริ่มมาจากเคยใช้เชนโรงแรมบริหารโรงแรมของครอบครัว แล้วไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่ ก็เลยลองมาทำกันเอง
พอเริ่มทำไปก็เริ่มรู้ว่าธุรกิจโรงแรมมันต้องมีหลายโรงแรม ทั้งในแง่การบริหาร ค่าใช้จ่าย แล้วก็คุณภาพที่ออกมา การที่มี
โรงแรมหลายแห่งมันดีกว่า ก็เริ่มจากบัญดาราสมุย แล้วก็ที่กรุงเทพฯ แต่ก่อนเป็นเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ชื่อ ชินเฮ้าส์ ก็เปลี่ยนมาเป็นโรงแรม แล้วก็ไปสร้างโรงแรมใหม่ที่ภูเก็ต
ระหว่างนั้นเราก็รับบริหารโรงแรมคนอื่นด้วย ก็คือ บัญดารา ออน ซี ระยอง เราบริหารให้โดยใช้แบรนด์เรา ธุรกิจก็มาประมาณนี้ ถามว่าทำไมเลือกทำธุรกิจนี้ ก็ไม่ได้เลือก เขาให้ทำ ก็ต้องทำ เป็นธุรกิจของครอบครัว ก็แบ่งๆ กันทำ บางคนก็ดูประกัน บางคนก็ดูแก้ว ผมดูโรงแรม จากวันนั้นถึงวันนี้ผมดูธุรกิจบัญดารามาปีนี้เป็นปีที่ 11 แล้ว มีทั้งหมด 4 สาขา กรุงเทพฯ สมุย ระยอง ภูเก็ต
เรื่องความแตกต่างของแต่ละที่แต่ละสาขานั้น จริงๆ มันแตกต่างกันตามพื้นที่นะอย่างที่บอกเป็นบิสซิเนสโฮเต็ล กับเป็นรีสอร์ท แต่ว่าโดยเนื้องานแล้วจะค่อนข้างไม่เหมือนกัน ก็คือเราเน้นว่าเราทำอะไรอยู่ ซึ่งมีทั้งห้องพัก มีทั้งเซอร์วิส มีทั้งอาหาร รวมกันอยู่ในนั้น
ฉะนั้นโดยลึกๆ แล้วบัญดาราจะเหมือนกันหมด คือการที่ลูกค้าเข้ามาเขาหวังได้เลยว่าเขาจะต้องพบการบริการแบบคนไทย ที่มีมาตรฐานแบบฝรั่ง แบบนั้นมากกว่า ที่นี้แนวการตกแต่งโดยรวมๆ แล้วเราบอกเลยว่าเราเซอร์วิสลูกค้าจากทั่วโลก ฉะนั้นลักษณะการตกแต่งเราจะออกค่อนข้างเอเชี่ยน โมเดิร์น คอนเทมพอรารี่ นิดๆ คือจะไม่ไทยจ๋า ไม่จีนจ๋า ไม่ญี่ปุ่น เป็นกลางๆ จะรู้สึกว่าฉันอยู่เอเชียนะ
เหตุผลในส่วนหนึ่งคือ มันเข้าถึงง่ายกว่า ลูกค้าไม่รู้สึกว่าอันนี้มันเป็นอุปกรณ์ทำอะไรพิเศษหรือเปล่า มันก็จะเข้าใจง่าย เข้าถึงง่าย ห้องพักเราทั้งหมดรวมกันประมาณเกือบ 800 ห้อง สาขาที่ใหญ่ที่สุดคือที่ กรุงเทพฯ นับจำนวนห้องนะ ไม่นับจำนวนพื้นที่ ถ้านับจำนวนห้องที่กรุงเทพฯใหญ่สุด 250 ห้อง แต่ถ้านับพื้นที่สมุยจะใหญ่สุด 17 ไร่
ที่สมุยใช้พื้นที่ทั้งหมด 17 ไร่ คือโปรดักของเรามันจะมีหลายๆ อย่างรวมกัน มีเซอร์วิสของพนักงาน มีฮาร์ดแวร์ซึ่งคือตัวโรงแรมผสมกัน ฉะนั้นมันต้องเอื้อซึ่งกันและกัน อย่างสมุยทุกที่ที่เราสร้าง เราสร้างเพื่อตอบโจทย์ลูกค้า สมุยเป็นชาวต่างชาติสัก 95% ฉะนั้นลูกค้าเราอยากที่จะใช้ชีวิตอยู่ข้างนอก อยู่กับธรรมชาติ ฉะนั้นใน 17 ไร่จะเป็นตัวอาคารประมาณ 6-7 ไร่เท่านั้น แล้วอีก 10 ไร่ ก็จะเป็นสระว่ายน้ำ เป็นสวนจะมีมุมน่ารักๆ ให้ลูกค้าสามารถนั่งอยู่ใต้ร่มไม้ อ่านหนังสือ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ชาวต่างชาติเขาจะชอบทำ หรือเล่นว่ายน้ำ เราก็มีสระว่ายน้ำ 3-4 สระ กระโดดสระนี้ไปลงสระโน้น อะไรประมาณนั้น
ทุกสาขาไม่ได้มีต่างชาติมากกว่าคนไทยนะ จริงๆ แล้วภูเก็ตกลับมีคนไทยเยอะกว่าสมุย แล้วก็ระยองคนไทยเป็นหลัก กรุงเทพฯ ก็เป็นชาวต่างชาติ แต่ก็จะเป็นชาวต่างชาติโซนเอเชีย คือเหมือนแบบว่า สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง บินเข้ามาทำงานกรุงเทพฯ แวะพักผ่อน แน่นอนลูกค้ายุโรปเราก็มี ก็คือว่ามาอยู่กรุงเทพฯ 1-2 คืน แล้วก็ไปอยู่สมุย ไปอยู่ภูเก็ต แล้วก็กลับมาอยู่กรุงเทพฯ 1 คืนก่อนกลับประเทศเขา
ที่บัญดารา เราเชื่อว่า แอสเซสหลักของเราคือความเป็นคนไทย ไม่ใช่ห้องพัก ไม่ใช่ชายหาด ไม่ใช่ธรรมชาติแต่เพียงอย่างเดียว หลักใหญ่ใจความคือความเป็นคนไทย โอบอ้อมอารี เห็นลูกค้ามีความสุขแล้วเราก็มีความสุขด้วย อันนั้นคือจุดขายของเราเลย คือไม่ต้องทำอะไรมากเป็นพิเศษ ขอให้คุณเป็นไทยได้แบบไม่ต้องอาย เป็นไทยอย่างภูมิใจและมั่นใจแค่นั้น มีความเป็นไทยแต่
ในมาตรฐานของสากล
พนักงานของเราก็เป็นคนไทยเกือบหมด ที่บัญดาราเรามีคอนเซ็ปต์ว่าเราซื่อสัตย์ ซื่อตรง ง่ายๆ เลยคืองานที่เราต้องใช้ความเป็นไทย เราก็ใช้คนไทยทำ แต่ว่างานที่อาจจะต้องใช้ความถนัดทางภาษา เราต้องใช้คนชาตินั้นๆ ทำ ก็มีบ้างแต่น้อย ส่วนใหญ่คนไทย
ส่วนเรื่องที่ว่าผมทำธุรกิจมากมาย บริหารบัญดาราถึง 4 แห่ง ตรงนี้ถามว่าผมบริหารเวลาอย่างไร ก็พยายามใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ที่สุด แล้วก็แบ่งว่าอันนี้ครอบครัว อันนี้ทำงาน แต่ว่าธุรกิจโรงแรมมัน 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด ไม่มีเสาร์-อาทิตย์ ไม่มีกลางวัน-กลางคืน ตลอดเวลา ก็เหนื่อยนิดหนึ่ง แต่เคล็ดลับง่ายๆ ก็คือว่าทำอะไรให้มันง่ายเข้าไว้ อย่างที่บอกซื่อตรงและก็ซื่อสัตย์ พอเป็นมืออาชีพปุ๊บมันก็ไม่ต้องไปปรุงแต่งอะไรเยอะ ไม่ต้องเสียเวลาประดิษฐ์อะไรเยอะ ก็คือตรงๆ ขายความเป็นไทย ก็ง่ายๆ
กับข้อคิดในการประกอบธุรกิจและดำเนินชีวิต สำหรับผมไม่ยากนะ ทำทุกอย่างให้มันง่าย คือภูเขามันหนัก อย่าไปยก ยกแล้วมันก็เครียด เหมือนกันก็คือว่า อย่าคาดหวังอะไรที่มันเยอะเกินไป อย่าทำอะไรให้มันยากเกินไป ง่ายๆ ไม่คาดหวังมากก็ไม่ผิดหวัง
แพลนในอนาคตของบัญดารา ก็ต้องขยับขยายครับ เพราะอย่างที่เรียนว่าธุรกิจโรงแรมเป็นเรื่องใหญ่ แต่ว่าอาจจะเปลี่ยนคอนเซ็ปต์นิดหน่อย คือ ณ ตอนนี้บัญดาราจะเป็นแบรนด์ 4-5 ดาว ก็อาจจะลงไปดูตลาด 3 ดาวด้วย ตลาดที่ตอบโจทย์กับพนักงานกับลูกค้า ต้องบอกไว้ว่าบัญดารา นอกจากจะเป็นแบรนด์ใหม่ เราไม่ยึดติดกับอะไรเลย แล้วเราก็มีคอนเซ็ปต์ของเราว่าเราบริการประเทศไทยในคุณภาพที่ดี มันไม่จำเป็นว่าจะต้องบริการเฉพาะตลาดบน เราก็เลยอยากจะลงไปดูตลาด 3 ดาวด้วย เพราะตอนนี้ต้องพูดกันตรงๆ ว่านักท่องเที่ยวมาเยอะเหลือเกิน แล้วก็มีมาทุกๆ แบบครับ”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี