ดนตรีตะวันตกในอดีต
จากการที่สมาคมนักร้องแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี กับมูลนิธิสวัสดิการนักแสดงอาวุโส ได้รวมตัวกันครั้งแรก เพื่อสืบทอดเพลงลูกกรุงในคอนเสิร์ต “สองวัยใจเดียวกัน” ที่จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ ๑๗ กุมภาพันธ์นี้ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยมีศิลปินแห่งชาติ๔ คน คือ สุเทพ วงศ์กำแหง, สวลี ผกาพันธุ์, เศรษฐาศิระฉายา, จินตนา สุขสถิตย์ พร้อมด้วยนักร้องคุณภาพผู้เป็นครูเป็นศิษย์กัน ร่วมร้องเพลงคู่เพื่อร่วมกันหารายได้สมทบทุนให้กับสมาคมและมูลนิธิดังกล่าว อาทิตย์นี้จึงขอตามรอยถึงปฐมภูมิเพลงไทยสากลหรือเพลงลูกกรุงที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ด้วยเพลงไทยสากลนั้นเป็นเพลงที่ขับร้องด้วยภาษาไทย ด้วยภูมิปัญญาของครูเพลงที่นำทำนองเพลงไทยเดิมนั้นมาใส่เนื้อร้อง สำหรับบรรเลงและขับร้องโดยใช้มาตรฐานโน้ตเพลงแบบสากล จนเป็นเพลงไทยสากลแนวใหม่ขึ้น เมื่อประมาณ พ.ศ.๒๔๗๖ ขณะนั้นทั้ง ละครเวที ละครวิทยุและภาพยนตร์ไทย ต่างมีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่จนทำให้เพลงไทยสากลได้รับความนิยมมาก จนเรียกกันว่าเพลงลูกทุ่งถึงปัจจุบันนี้
ต่อมาจึงเกิดการแยกสาขาเพลงไทยสากลออกไปอีกหลายแนวทาง การเริ่มใช้ดนตรีบรรเลงประเภทแตรวงนั้นจากบันทึกของ ทาวน์เซนด์ แฮร์ริส ทูตชาวอเมริกันที่เข้ามาเมืองไทยได้กล่าวว่า “วงดนตรีของเขาแปลกใหม่ที่ดึงดูดความสนใจของคนไทยที่พบเห็นเป็นอันมาก” ตั้งแต่รัชกาลที่ ๔ เป็นต้นมา คนไทยเริ่มคุ้นกับแตรวงหรือแตรฝรั่งด้วยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการฝึกหัดทหารตามแบบยุโรป ที่มีการใช้ดนตรีประเภทแตรวงบรรเลงประกอบการฝึกทหาร จนถึงรัชกาลที่ ๕จึงจ้าง Jacob Feit ผู้เป็นบิดาของ พระเจนดุริยางค์ชาวอเมริกันเชื้อสายเยอรมัน เข้ามารับราชการเป็นครูแตรวงในพระราชสำนักของ กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ(วังหน้า) ครั้งนั้นได้ทำการปรับปรุงแตรวงทหารในปีพ.ศ.๒๔๒๐ วงแตรวงทหารนี้ต่อมาได้เรียกชื่อใหม่ว่า“วงโยธวาทิต” (Military Band) ในราชสำนักไทยจึงมีการเล่นดนตรีสำหรับบรรเลงทั้งดนตรีไทยและดนตรีแตรฝรั่งแบบตะวันตก สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิตทรงเป็นผู้นำการแต่งทำนองเพลงตามมาตรฐานดนตรีสากลและในการประพันธ์เพลงสำหรับบรรเลงด้วยแตรวงโดยเฉพาะเพลงวอลซ์ปลื้มจิต ในปีพ.ศ.๒๔๔๖สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเพลงไทยสากลเพลงแรกในประวัติศาสตร์การดนตรีของไทย เพลงประเภทนี้ทรงนิพนธ์โดยใช้โน้ตและจังหวะแบบสากล ด้วยพระปรีชาสามารถในการทรงประพันธ์เพลงไทยสากลของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิตนั้น จึงทรงได้รับการยกย่องให้เป็น “พระบิดาแห่งเพลงไทยสากล” ในกาลต่อมาเมื่อละครร้องเกิดขึ้นในพ.ศ.๒๔๕๑ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรวรรณากร กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ได้ทรงดัดแปลงมาจากละครมลายูที่เรียกกันว่า “มาเลย์โอเปร่า” หรือ“บังสาวัน” และทรงตั้งชื่อละครคณะใหม่นี้ว่า “ปรีดาลัย”ลักษณะของเพลงมีเนื้อร้องมากเอื้อนน้อยและให้ลูกคู่เป็นผู้เอื้อนแทนนักแสดง ซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยนั้น
จนในปี พ.ศ.๒๔๕๕ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ทรงสร้างวงดนตรีในราชสำนักใหม่เรียกว่า “วงเครื่องสายฝรั่งหลวง” และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้จัดตั้งโรงเรียนเพื่อสอนดนตรีตะวันตกและดนตรีไทยทุกประเภทที่โรงเรียนพรานหลวง ในสวนมิสกวัน และยังทรงสร้าง “กาแฟนรสิงห์” บริเวณมุมถนนศรีอยุธยาลานพระราชวังดุสิต ให้ประชาชนพักผ่อน มีสถานที่ขายอาหาร และยังจัดบรรเลงดนตรี วงดุริยางค์สากลและวงปี่พาทย์ให้ประชาชนฟัง ทุกวันอาทิตย์เวลา ๑๗.๐๐-๑๙.๐๐ น. ซึ่งมีนักดนตรีในครั้งนั้นคือ พระเจนดุริยางค์(ปิติ วาทยะกร) และครูเอื้อ สุนทรสนาน เป็นผู้สานต่อจนมีเพลงไทยสากลหรือเพลงลูกกรุงขึ้นในสมัยต่อมาจนมีนักร้องนักดนตรีมาร่วมขับร้องกันจนถึงทุกวันนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี