วันพุธ ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2568
รัชกาลที่ ๕ กับกล้องถ่ายภาพ
ด้วยฟิล์มกระจกนั้นเป็นสิ่งที่ใช้บันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในอดีต ถือเป็นหลักฐานสำคัญที่ใช้อ้างถึงและเล่าความเป็นมาถึงยุคสมัยต่างๆ ตั้งแต่แผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ มานั้น ได้มีการเก็บรักษาและอนุรักษ์ฟิล์มกระจกมาอย่างต่อเนื่องจนมีหน่วยงานรับผิดชอบโดยตรง จนสามารถนำเสนอภาพที่อยู่บนฟิล์มกระจกให้ได้รู้จักถึงบุคคลตั้งแต่สถาบันพระมหากษัตริย์จนถึงสามัญชน ได้เรียนรู้ถึงการแต่งกายแต่ละยุคสมัยที่รับค่านิยมจากต่างประเทศที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ และความทันสมัยของชาวไทยในสังคมของยุคสมัยแล้ว ยังมีภาพสถานที่สำคัญ วิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรม และพิธีสำคัญ ให้เห็นสิ่งที่มีอยู่และไม่มีแล้วปัจจุบันสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ภายใต้การนำของ คุณนันทกา พลชัย ผู้อำนวยการและคณะได้ทำหน้าที่ดูแลฟิล์มกระจก โดยศึกษาวิธีการจัดการฟิล์มกระจกจากหน่วยงานต่างประเทศและปรึกษาผู้มีความรู้จากกลุ่มวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เป็นต้น เพื่อรักษาฟิล์มกระจกและจัดการสภาพแวดล้อมที่ดีให้กับฟิล์มกระจก จนฟิล์มกระจกนั้นได้รับการถ่ายโอนข้อมูลเก็บรักษาในรูปแบบดิจิทัล และสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติก็ยังคงทำการอนุรักษ์ตัวฟิล์มกระจกต่อไป
นอกจากนี้ ยังเพิ่มภารกิจในการอนุรักษ์ไฟล์ที่ได้รับการแปลงอีกด้วย เพื่อให้เป็นข้อมูลชั้นต้นของประเทศไทยสืบไป สำหรับงานจดหมายเหตุในประเทศไทยได้มีการศึกษาและสืบค้นจากเอกสารต้นฉบับได้ถึงสมัยอยุธยา-สุโขทัย โดยอาศัยตามข้อทรงสันนิษฐานของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพว่า “เรื่องจดหมายเหตุมีธรรมเนียมเก่าเป็นหน้าที่ของมหาดเล็กจะต้องจดบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ เก็บไว้ในหอศาสตราคม และงานจดหมายเหตุในราชสำนักก็ยังเป็นประเพณีสืบต่อมาหลายสมัย ถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ปรากฏหลักฐานเรื่องการจัดงบประมาณกรม พระอาลักษณ์เมื่อร.ศ.115 ขอรับพระราชทานยกการบันทึกเหตุการณ์ประจำวันรวมกับราชกิจจานุเบกษา ยกเป็นกองจดหมายเหตุ ในร.ศ.118 ปรากฏหลักฐานประกาศตั้งตำแหน่งข้าราชการกรมรัฐมนตรีและกรมพระอาลักษณ์ มีหลวงนรราชจำนง ดำรงตำแหน่งปลัดกรม ยังคงปรากฏมีกองจดหมายเหตุอยู่”
สำหรับภาพถ่ายนั้นนับเป็นจดหมายเหตุภาพที่มีการบันทึกอย่างจริงจังนั้นเป็นภาพในแผ่นดิน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ ดังปรากฏภาพฝีพระหัตถ์ในคราวเสด็จประพาสต้น-เสด็จประพาสยุโรปและงานสำคัญอื่นๆ ซึ่งต่อมามีการจัดงานอวดรูปที่วัดเบญจมบพิตรเป็นครั้งแรก ทำให้เกิดการรวบรวมฟิล์มกระจกและภาพถ่ายขึ้นโดยสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ขณะดำรงตำแหน่งสภานายกหอพระสมุดวชิรญาณ ต่อมาฟิล์มกระจกหอพระสมุดวชิรญาณถูกส่งมอบให้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเป็นผู้ดูแล และสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติได้รับมอบภาพฟิล์มกระจกดังกล่าวจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เป็นจำนวน ๓๕,๔๒๗ แผ่น
ทั้งยังได้รวบรวมและรับมอบฟิล์มกระจกจากแหล่งอื่นเพิ่มเติมอีก สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติได้เริ่มนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาประยุกต์ใช้กับฟิล์มกระจก โดยทำการสแกนฟิล์มกระจกต้นฉบับให้ได้ภาพดิจิทัล เพื่อประโยชน์ต่อการอนุรักษ์ฟิล์มกระจกต้นฉบับและข้อมูลทางประวัติศาสตร์ พร้อมนำเสนอขึ้นทะเบียนเอกสารมรดกความทรงจำ และเมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๙ ฟิล์มกระจกดังกล่าวนั้นได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนมรดกความทรงจำแห่งโลก โดยองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO)วันนี้กระทรวงวัฒนธรรม กรมศิลปากรโดยสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ร่วมกับบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)จึงร่วมกันจัดนิทรรศการ “เฉลิมฟิล์มกระจกฉลองมรดกความทรงจำแห่งโลก” ระหว่างวันที่ ๒๕ พ.ค.-๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๑ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ถนนเจ้าฟ้า กรุงเทพมหานคร เพื่อร่วมเฉลิมฉลองในโอกาสฟิล์มกระจกเป็นมรดกความทรงจำของโลกและของคนไทยทั้งประเทศ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี