ไตของเราโดยปกติจะทำงานตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อกรองของเสียและรักษาสมดุลของเกลือแร่ในร่างกาย นอกจากนี้ยังทำหน้าที่สร้างฮอร์โมนบางชนิด เพื่อช่วยไขกระดูกในการสร้างเม็ดเลือดแดง ฮอร์โมนสำหรับควบคุมความดันโลหิต และฮอร์โมนเพื่อช่วยให้กระดูกแข็งแรง เมื่อไตทั้ง 2 ข้างทำงานได้น้อยกว่า 20% ผู้ป่วยจะรู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร เนื่องจากมีของเสียค้างอยู่ในร่างกาย และมีอาการบวมตามร่างกาย ปัจจุบันคนไทยป่วยด้วยโรคไตเรื้อรังประมาณ8 ล้านคน เป็นผู้ป่วยไตเรื้อรังระยะสุดท้ายประมาณ 100,000 คนที่ต้องได้รับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม หรือล้างไตทางช่องท้อง
ข้อมูลจาก นพ.กำธร ลีลามะลิ หัวหน้าศูนย์ไตเทียมนายแพทย์เชี่ยวชาญ โรงพยาบาลราชวิถี แนะว่า โรคไตป้องกันได้โดยหลีกเลี่ยงอาหารเค็ม ควบคุมโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูงให้ดี ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาบางตัวที่มีผลเสียต่อไต เช่น การใช้ยาแก้ปวด แก้อักเสบอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน หรือหลีกเลี่ยงการใช้ยาสมุนไพรที่ไม่มีการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องได้มาตรฐาน แต่ถ้าเกิดโรคไตขึ้นแล้ว โรคไตหลายอย่างสามารถรักษาให้หายได้ ถ้าตรวจพบตั้งแต่ในระยะแรกๆ ซึ่งมักจะตรวจพบได้จากการตรวจคัดกรองโรคไตในการตรวจสุขภาพประจำปี สำหรับโรคไตโดยทั่วไปจะมี 2 ประเภทคือโรคไตแบบเฉียบพลันและแบบเรื้อรัง คือ
(1) โรคไตวายเฉียบพลันเป็นภาวะการศูนย์เสียการทำงานอย่างรวดเร็ว เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ภาวะช็อกรุนแรง การเสียเลือดในปริมาณมาก การได้รับสารพิษที่มีผลต่อไต เป็นต้น แต่หากได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ไตก็สามารถกลับมาทำงานได้ภายใน 1 เดือน
(2) โรคไตแบบเรื้อรัง เป็นภาวะการทำลายไตอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน โดยจะไม่แสดงอาการในระยะแรกๆ ซึ่งสาเหตุที่พบบ่อยคือ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคทางเดินปัสสาวะอุดตัน และโรคไตอักเสบ โดยไตเรื้อรังแบ่งออกเป็น 5 ระยะ ซึ่งส่วนมากจะมาแสดงอาการในระยะท้ายๆ การวินิจฉัยโรคไตนั้น ปัจจุบันวินิจฉัยจากอาการและโรคประจำตัวของผู้ป่วย การตรวจจากห้องปฏิบัติการ ทั้งปัสสาวะและเลือด และการอัลตร้าซาวน์ไตว่าผิดปกติหรือไม่ หากพบว่าเป็นโรคไต แพทย์จะหาสาเหตุว่าเกิดจากสาเหตุใด เช่น จากโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ทางเดินปัสสาวะอุดตัน หรือไตอักเสบ ถ้าทราบสาเหตุและได้รับการรักษาตั้งแต่ในระยะแรก โรคไตที่เป็นอยู่ก็มีโอกาสรักษาให้หายขาดได้ แต่ถ้าตรวจพบในระยะที่เป็นมากแล้ว เช่น โรคไตเรื้อรังระยะที่ 3 การรักษาให้หายขาดจะยาก แต่จะช่วยชะลอการเสื่อมของไต ลดโอกาสที่ผู้ป่วยต้องล้างไตได้ โดยการคุมน้ำและอาหาร หลีกเลี่ยง การกินยาที่มีผลทำให้ไตเสื่อม เช่น ยาแก้ปวดข้อ ปวดกระดูกบางชนิด รวมทั้งยาที่ไม่ได้มีการพิสูจน์หรือรับรองว่าปลอดภัยกับไต เช่น ยาสมุนไพรต่างๆ ที่ไม่ได้จดทะเบียน ไว้ว่ามีความปลอดภัยต่อไตหรือไม่
ผู้ป่วยที่เป็นโรคไตเรื้อรัง ในระยะที่ 5 ที่ต้องทำการรักษาโดยการฟอกเลือดผ่านเครื่องฟอกไตเทียมนั้น จะต้องมีการทำเส้นฟอกเลือด เพื่อใช้ในการนำเลือดออกจากร่างกายของผู้ป่วยไปยังเครื่องฟอกเลือดเพื่อกำจัดพิษ ต่างๆ และนำเลือดที่ฟอกสะอาดแล้วกลับคืนเข้าสู่ร่างกายของผู้ป่วยผ่านทางเส้นฟอกเลือดนี้ ข้อเสียของการรักษาด้วยวิธีนี้คือเส้นฟอกเลือดอาจเกิดการตีบและอุดตันได้ ซึ่งทาง รพ.ราชวิถีมีแพทย์ผู้ชำนาญการสามารถแก้ไขเส้นฟอกเลือดที่ตีบหรืออุดตันให้สามารถกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม ช่วยให้คนไข้ไม่ต้องไปทำเส้นใหม่ หรือลดการใส่สายที่คอได้
การรักษาโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ดีที่สุด คือการปลูกถ่ายไต ซึ่งเป็นวิธีที่ทำให้คนไข้กลับมามีใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติทั่วไป มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด และอยู่ได้ยาวนานที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมหรือการล้างไตทางช่องท้อง เพียงแต่ปัจจุบันมีการบริจาคไตค่อนข้างน้อย ในอนาคตถ้ามีการบริจาคไตมากขึ้น คนไข้ที่ล้างไตอยู่ก็มีโอกาสที่ได้รับการปลูกถ่ายไตมากขึ้น แต่ผู้ป่วยจำเป็นต้องกินยากดภูมิต้านทานไปตลอดชีวิต เพื่อไม่ให้ร่างกายต่อต้านเนื้อไตของผู้บริจาค
สำหรับโรงพยาบาลราชวิถี มีการรักษาผู้ป่วยโรคไตมากว่า 50 ปีมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษากว่า 12,000 คนต่อปี โดยปัจจุบันยังมีผู้ป่วยที่ทำการรักษาที่ศูนย์ไตเทียมโรงพยาบาลราชวิถีกว่า 1,500 คนต่อปี เนื่องจาก รพ.ราชวิถี มีพื้นที่ที่จำกัด ทำให้ผู้ป่วยโรคไตที่เข้ามารับการรักษาที่ รพ.ราชวิถี ต้องรอรับการรักษาเป็นเวลานาน และปัจจุบันเทคโนโลยีสำหรับการวินิจฉัยและรักษาโรคไตมีการพัฒนาไปมาก ดังนั้นศูนย์โรคไตครบวงจร ที่อาคารศูนย์การแพทย์ราชวิถี แห่งใหม่จึงถูกออกแบบเพื่อตอบปัญหาดังกล่าว ประกอบด้วย 5 หน่วยงานที่ดูแลผู้ป่วยคือ (1) คลินิกโรคไต(Kidney Disease Clinic) ที่ทำการวินิจฉัย รักษาโรคไตให้หาย หรือ ชะลอความเสื่อมในกรณีที่รักษาไม่หายขาด (2) คลินิกล้างไตทางช่องท้อง (Peritoneal Dialysis Clinic) สำหรับผู้ป่วยไตวาย ที่ต้องรักษาด้วยการล้างไตทางช่องท้องซึ่งเป็นการรักษาด้วยตนเองที่บ้านเป็นหลัก จึงต้องมีทีมที่ออกเยี่ยมผู้ป่วยที่บ้านและดูแลให้คำปรึกษาได้ตลอด 24 ชั่วโมง (3) หน่วยฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (HemodialysisUnit) ที่ทำการฟอกเลือดให้กับผู้ป่วยไตวายทั้งแบบวิกฤติ เฉียบพลัน และ แบบเรื้อรัง (4) คลินิกเส้นฟอกเลือด (Vascular Access Clinic) ที่ทำการเฝ้าติดตามประสิทธิภาพของเส้นฟอกเลือดและสายฟอกเลือด สำหรับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม เพื่อดูแลรักษาเส้นฟอกเลือดให้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยาวนานที่สุด และ (5) ศูนย์ปลูกถ่ายไตให้บริการครบวงจรตั้งแต่ก่อนปลูกถ่ายไต และดูแลต่อเนื่องหลังปลูกถ่ายไต ศูนย์โรคไตครบวงจรนี้จะสามารถรองรับผู้ป่วยได้มากขึ้น ลดระยะเวลาการรอคอย และเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ ซึ่งหน่วยงานต่างๆ ที่กล่าวมานี้ ยังขาดแคลนอุปกรณ์ และต้องการรับการบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา
ล่าสุดทางมูลนิธิ รพ.ราชวิถี จะจัดงานโครงการ “เทศน์มหาชาติ เพื่ออาคารศูนย์การแพทย์ราชวิถี” ขึ้น เพื่อสมทบทุนสร้างอาคารศูนย์การแพทย์ฯ ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพกัณฑ์เทศน์ต่างๆ และร่วมฟังเทศน์มหาชาติ เวชสันดรชาดกทั้ง 13 กัณฑ์ (1,000 พระคาถา) ในวันที่ 23-24 สิงหาคม นี้โดยร่วมบริจาคได้ที่ “ศูนย์การแพทย์ราชวิถี ในมูลนิธิ รพ. ราชวิถี” ธ.ไทยพาณิชย์ เลขบัญชี 051-2-69056-1หรือที่ http://www.rajavithihospitalfoundation.org
ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี