การศึกษาจากแหล่งโบราณคดี
บริเวณชายทะเลตะวันออกนั้นไม่ได้มีแต่อาชีพการประมง ที่ออกหาปลาในทะเล สวนผลไม้ หรือเหมืองอัญมณีเท่านั้น ยังพบว่าเป็นแหล่งโบราณคดีสำคัญที่น่าสนใจเพื่อต่อเชื่อมอดีตที่หายไป โดยเฉพาะการเป็นเมืองท่าโบราณในอดีตจนมาถึงเส้นทางพาณิชย์นาวีในปัจจุบัน อาทิตย์นี้ได้เดินตามรอยหาภูมิเมืองทางด้านตะวันออกไปกับ นายเมธาดล วิจักขณะ รองอธิบดีกรมศิลปากรและนักโบราณคดีผู้ทำงานพร้อมด้วยกลุ่มอาสาสมัคร ซึ่งทำให้สามารถเข้าเรียนรู้ถึงพื้นที่ซึ่งมีชื่อเรียกขานกันมานานแล้วว่า เมืองเพนียด หรือเมืองกาไว ที่เชื่อว่าเป็นเมืองโบราณเกิดขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒-๑๘ ซึ่งปัจจุบันนี้โบราณสถานนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลคลองนารายณ์ อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี ใกล้เชิงเขาสระบาปที่มีลำน้ำสาขา คือ คลองนารายณ์ ไหลออกสู่ทะเลอ่าวไทย ผ่านพื้นที่ของเมืองนี้ แต่ด้วยเหตุที่ถูกปล่อยทิ้งจนมีการนำพื้นที่ไปสร้างบ้านทำสวนจึงทำให้ภาพรวมของเมืองโบราณนี้ค่อนข้างจะหาขอบเขตของโบราณสถานทั้งหมดได้ยาก แม้เบื้องต้นจะมีโบราณสถานให้เห็นอยู่ ไม่กี่แห่ง แต่ด้วยความที่มีเอกสารเก่าระบุพื้นที่อยู่ประกอบกับตลอดเวลานั้นมีการค้นพบโบราณวัตถุสำคัญบ่อยครั้ง จึงทำให้ชุมชนแห่งนี้มองเห็นความสำคัญของความเป็นเมืองโบราณในอดีต
เขาสระบาป
เมืองเพนียดนี้เรียกตามปากชาวบ้านด้วยลักษณะผังเมืองคล้ายรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีคันดินล้อมรอบ พื้นที่ราว ๑,๖๐๐ ไร่ เหมือนเป็นเพนียดคล้องช้าง แต่ด้วยเหตุที่พบจารึกจำนวน ๓ หลัก คือจารึกวัดทองทั่ว-ไชยชุมพล (อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒) จารึกเพนียด ๑ (อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๕) จารึกเพนียด (อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๕) และโบราณวัตถุอื่นๆ อีกมากมาย เช่น พระหริหระแบบพนมดา (อายุราว พ.ศ.๑๐๘๐-๑๑๕๐) ทับหลังในสมัยต่างๆ โดยเฉพาะศิลปะแบบถาลาบริวัต (พ.ศ.๑๑๕๐) ซึ่งได้รับอิทธิพลจากอินเดียโบราณในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒ นั้น จึงเชื่อกันว่าเมืองเพนียด นั้นเป็นเมืองท่าของขอมโบราณสืบจากวัฒนธรรมอินเดีย และพื้นที่จันทบูรแห่งนี้ก็เป็นชัยภูมิสำคัญที่เชื่อมวัฒนธรรมต่างถิ่นที่เดินทางเข้าสู่พื้นที่ด้านชายทะเลตะวันออก ในการสำรวจพบเมืองเพนียดโดยสำนักฝรั่งเศสแห่งปลายบูรพาทิศ เมื่อพ.ศ.๒๔๓๖-๒๔๔๖ นั้น ทำให้กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถานและประกาศในราชกิจจานุเบกษาพ.ศ.๒๔๗๘
ทับหลังของโบราณสถานเพนียด
ส่วนในการสำรวจและศึกษานั้น พ.ศ.๒๕๔๒- ๒๕๔๕ สำนักโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ ๔ ปราจีนบุรี (คือสำนักศิลปากรที่ ๕ ปราจีนบุรี) ได้ดำเนินงานโบราณคดีและบูรณะโบราณสถานด้านทิศเหนือ หรือคูเพนียด ลักษณะเป็นสระน้ำรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ๒ สระ แต่ละสระมีขนาดกว้าง ๖๐ เมตรยาว ๔๐ เมตร กรุด้วยศิลาแลง มีบันไดทางขึ้น ซึ่งเชื่อว่าน่าจะสร้างขึ้นเพื่อใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๘ หลังสุดสำนักศิลปากรที่ ๕ ปราจีนบุรี ดำเนินโครงการสำรวจทำแผนผังและขุดแต่งโบราณสถานเมืองเพนียดขึ้นและพบว่ายังมีพื้นที่ของเมืองเพนียดและโบราณวัตถุอีกจำนวนมากที่ควรค่าแก่การศึกษาค้นคว้า เพื่อเชื่อมต่อความรู้ทางวิชาการและสามารถจะพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ทางด้านชายทะเลตะวันออกในอนาคต สำหรับหลักฐานสำคัญคือ จารึกเมืองเพนียด ซึ่งเป็นความพระราชโองการว่าด้วยธรรมเนียมปฏิบัติของบรรดาบุคคล ผู้เฝ้าแหนติดตามพระมหากษัตริย์ ที่จะเสด็จไปประกอบพระราชพิธีทางศาสนาในอาศรม ว่าบุคคลแต่ละตำแหน่ง แต่ละชนชั้นควรประพฤติปฏิบัติตนอย่างไร เช่น ถ้าเป็นสามัญชนก็ห้ามสวมเครื่องประดับ และห้ามเข้าไปในอาศรม ส่วนนักบวช ให้เข้าพักในอาศรมได้ แต่ถ้าเป็นนักบวชที่มีความประพฤติไม่ดี ก็ห้ามเข้าพักในอาศรม เป็นต้น
ชิ้นส่วนทับหลัง
จากข้อความจารึกนี้เหมือนกับจารึกหลักอื่นอีก ๑๑ หลัก ที่พบในพระตะบอง เสียมราบนครจำปาสัก ตะโบงฆมุม บาพนม บันทายมาส และมาสัก ซึ่งมีลักษณะการจารึกอักษรและข้อความในจารึกเหมือนกันเกือบทุกประการคือ ด้านที่ ๑ จารึกด้วยอักษรขอมโบราณ ประพันธ์เป็นโศลกภาษาสันสกฤต ๔๙ บท มีข้อความร้อยแก้วภาษาเขมรสั้นๆ จารึกไว้ตอนท้าย ส่วนด้านที่สองจารึกด้วยอักษรอินเดียเหนือ ภาษาสันสกฤต ประพันธ์เป็นโศลกเนื้อความตรงกับด้านที่ ๑ และมีโศลกสุดท้ายจารึกด้วยอักษรขอมโบราณ ซึ่งตรงกับตำแหน่งของจารึกภาษาเขมรในด้านที่ ๑ จึงกำหนดว่า จารึกหลักนี้เป็นจารึกอักษรขอมโบราณ อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๕นอกจากนี้ยังมีตำนานเมืองกาไวหรือพระนางกาไวส่วนชื่อเมืองนี้จะมีชื่อว่าอะไรนั้นต้องสืบค้นหาหลักฐานกันต่อไป...คงไม่ใช่เพนียดแน่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี