(ต่อจากตอนที่แล้ว)
หากเป็นสิ่งแปลกปลอมที่มีแนวโน้มของการอุดตันที่กระเพาะอาหาร การใช้กล้องส่องตรวจเพื่อคีบออกมา ก็มักจะเป็นทางเลือกแรก แต่หากใช้การคีบออกไม่สำเร็จแล้ว การเปิดผ่าช่องท้อง
ก็จะเป็นทางเลือกสุดท้ายที่จะทำการแก้ไข
- ถ้าเป็นสิ่งแปลกปลอมจำพวกไม้เสียบลูกชิ้น เข็มเย็บผ้าหรือสิ่งแปลกปลอมที่มีคม สุนัขสามารถกลืนผ่านเข้าไปในกระเพาะอาหารแล้ว ทางเลือกอื่นในการแก้ไขก็อาจเหลือน้อยลง การรอคอยให้สุนัขขับถ่ายออกเองจะเป็นไปได้ยากมาก รวมถึงโอกาสที่จะเกิดการทิ่มทะลุออกมานอกทางเดินอาหารก็เป็นไปได้สูง การทิ่มทะลุกระเพาะอาหารออกมาทิ่มเนื้อตับ (ซึ่งอยู่ชิดกับกระเพาะ) ก็พบได้บ่อยเช่นกัน หากปล่อยทิ้งไว้ สุนัขจะแสดงอาการเจ็บท้องอย่างรุนแรงเเล้ว โดยอาจเกิดสภาวะผนังช่องท้องอักเสบรุนแรงได้
- ถ้าเป็นสิ่งแปลกปลอมอุดตันในลำไส้ จำพวกก้อนหินจัดสวนก้อนใหญ่ หรือเป็นเมล็ดทุเรียน (ในช่วงเมษายน ถึง มิถุนายน) เมล็ดมะม่วง (มีตลอดทั้งปีโดยเฉพาะมะม่วงสามฤดู) ส่วนใหญ่จะติดคาอยู่ในลำไส้เล็ก ก็มีความจำเป็นต้องผ่าตัดเปิดช่องท้องเพื่อเปิดลำไส้ แล้วเอาสิ่งแปลกปลอมนั้นออกมา ส่วนใหญ่แล้ว สุนัขมักจะแสดงอาการปวดท้องรุนแรง และกินอาหารไม่ได้ เนื่องจากกรณีนี้ กว่าที่เจ้าของจะสังเกตเห็น ก็ทิ้งไว้นานมากแล้ว เพราะสุนัขจะค่อยๆ แสดงอาการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนบางครั้งอาจเข้าใจผิดว่าสุนัขป่วยด้วยโรคอื่นไป
- ถ้าเป็นสิ่งแปลกปลอมจำพวกผ้า หรือพลาสติกที่เป็นเส้นเช่น เชือกผูกรองเท้า เชือกด้าย หรือกระทั่งไหมขัดฟัน ซึ่งหลายครั้งพบว่ามีการติดอยู่บริเวณลำไส้เล็ก และสุนัขมักจะแสดงอาการป่วยเมื่อเวลาผ่านไปนานแล้วเช่นกัน เนื่องจากการวินิจฉัยทำได้ยากเพราะสิ่งของเหล่านี้จะไม่ปรากฏขึ้นบนภาพถ่ายรังสี หากแต่ต้องอาศัยเทคนิคพิเศษโดยการกลืนแป้งเอกซเรย์ช่วย แต่ก็มีหลายครั้งที่การชี้ชัดทำได้ไม่ง่ายนัก ในกรณีนี้การแก้ไขจำเป็นต้องทำการผ่าตัดสถานเดียว และโอกาสที่จะพบการเสียหาย หรือการตายของลำไส้จึงมีสูง และมักพบได้ว่าสุนัขต้องถูกตัดต่อลำไส้ร่วมด้วย
@ หลังทำการผ่าตัดแก้ไขแล้ว ควรดูแลสุนัขอย่างไร
หลังผ่าตัด สัตวแพทย์มักแนะนำเจ้าของ ให้ฝากสุนัขพักฟื้นในโรงพยาบาลสัตว์เพื่อดูอาการก่อน เนื่องจาก ในช่วง 2-3 วันแรกนั้น มีความจำเป็นต้องงดอาหาร โดยรอยแผลของทางเดินอาหารจำเป็นต้องใช้เวลาในการหาย แต่สำหรับน้ำนั้นเราสามารถให้กินได้บ้าง ในปริมาณน้อยมากๆ แค่พอให้ปากสุนัขไม่แห้งจนเกินไป เพราะถ้างดน้ำไปทั้งหมดเลยอาจทำให้สุนัขมีการหลั่งน้ำลายออกมามากกว่าปกติ ก็สามารถทำให้บาดแผลในทางเดินอาหารสัมผัส กับน้ำลายแล้วเกิดการอักเสบเพิ่มมากขึ้นได้
@ มีวิธีใด ที่ช่วยป้องกันไม่ให้เจ้าตูบจอมซนกลับไปกินของเหล่านี้ได้อีก
สิ่งสำคัญที่เจ้าของสามารถทำได้ คือ พยายามเก็บของใช้ในบ้านให้เป็นที่เป็นทาง ไม่เปิดโอกาสให้สุนัขไปแทะ หรือกินสิ่งแปลกปลอมเหล่านั้นได้ รวมถึงการให้อาหารก็ควรฉีกหรือแกะออก
จากภาชนะ หรือไม้เสียบเสียก่อนจะยื่นให้สุนัขได้กินนอกจากนี้อาจต้องมีการฝึกวินัยสุนัขเสียตั้งแต่ตัวยังเล็ก เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ครับ
เมื่อเราได้ทราบถึงความน่ากลัวจากการกินสิ่งแปลกปลอมใกล้ตัว การอุดตันหรือติดค้างของสิ่งแปลกปลอมว่าสามารถสร้างปัญหาได้มากถึงเพียงนี้ ผู้เลี้ยงสุนัขควรคำนึงถึง “การป้องกัน”
มากกว่า “การแก้ไขหลังเกิดปัญหา” สุนัขที่เราดูแลจะได้ไม่ต้องเผชิญกับความเจ็บปวดทั้งอันเนื่องมาจากการอุดตัน เเละฉีกขาดของทางเดินอาหาร รวมถึงความเจ็บปวดอันเนื่องมาจากการถูกผ่าตัดแก้ไข ทั้งนี้การมีสุนัขอยู่ในบ้านก็คงไม่ต่างอะไรกับการมีเด็กเล็กอยู่เช่นกัน ดังนั้นการดูแลเอาใจใส่ สังเกตความผิดปกติของสุนัข ก็นับได้ว่าเป็นความรับผิดชอบที่สำคัญอย่างหนึ่งของเจ้าของทุกท่านครับ
ขอบคุณอีกครั้ง สำหรับข้อมูลดีๆ จาก นายสัตวแพทย์สุวิชา จุฑาเทพ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี