วันที่ ๔ กันยายนที่ผ่านมาเป็นวันครบ ๑๐๐ ปีแห่งชาตกาลของครูเพลงลูกทุ่งไทยคนสำคัญที่สร้างผลงานเพลงจนเป็นที่รู้จักกันดีทั้งประเทศ ไม่มีใครเลยที่จะไม่เคยได้ฟังเพลงของ ครูไพบูลย์ บุตรขัน ครูเป็นทั้งนักแต่งเพลงและนักเขียนบทละคร จึงทำให้ผลงานจำนวนมากนั้นโดนใจผู้คนจนได้รับการยกย่องเป็น “นักแต่งเพลงลูกทุ่งผู้อัจฉริยะหนึ่งเดียวของแผ่นดิน” อาทิตย์นี้จึงขอตามรอยไปยังภูมิสถานบ้านครูไพบูลย์ บุตรขัน ที่ปทุมธานี เดิมนั้นครูชื่อ ไพบูลย์ ประณีต เกิดที่บ้านท้องคุ้ง ตำบลเชียงรากใหญ่อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี เป็นบุตรของนายบุตรและนางพร้อม ประณีต ครอบครัวมีอาชีพทำนา มีฐานะยากจน มีปู่ชื่อ ขัน จึงนำชื่อปู่และพ่อมาตั้งนามสกุล บุตรขัน เมื่อครูอายุ ๖ ขวบนั้นบิดาเสียชีวิตจึงได้รับการเลี้ยงดูจาก นายเจน บุตรขัน ผู้เป็นอา ซึ่งพามาที่กรุงเทพฯ แถวอำเภอปทุมวัน ศึกษาที่โรงเรียนสตรีปทุมวันจบประถมปลาย และจบมัธยม ๘ ที่โรงเรียนสวัสดิ์อำนวยเวทย์ กรุงเทพฯ ครูได้ศึกษาดนตรีจาก ครูพิณ โปร่งแก้วงาม ระหว่างพ.ศ.๒๔๗๖-๒๔๗๘ แล้วเรียนวิชาดนตรีและโน้ตเพลงสากลเพิ่มเติมที่สมาคมวายเอ็มซีเอ ถนนวรจักร จนสามารถได้ใช้โน้ตดนตรีประกอบการแต่งเพลงมาทุกครั้ง
เพลงของครูและนักร้อง
ครูไพบูลย์ บุตรขัน ได้ทำงานเป็นครูสอนภาษาไทยที่โรงเรียนกว๋องสิว ต่อมาลาออกไปทำงานเป็นช่างไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าสามเสน และลาออกไปทำงานอยู่กับคณะละคร คณะแม่แก้ว และคณะจันทโรภาส ของพรานบูรพ์ ทำโดยทำหน้าที่เขียนบทละครวิทยุ และแต่งเพลงให้กับคณะละคร มีผลงานเพลงบันทึกเป็นแผ่นเสียงครั้งแรกเมื่อประมาณ พ.ศ.๒๔๙๐ จากการชักนำของ สวัสดิภาพ บุนนาค ซึ่งเป็นเพื่อนและน้องเขย สำหรับเพลงยุคแรกนั้นมีเพลง “มนต์เมืองเหนือ”“คนจนคนจร” “ดอกไม้หน้าพระ” “ดอกไม้หน้าฝน” และ “ค่าน้ำนม” ซึ่งได้รับความนิยมว่าเป็นผลงานที่มีคุณค่า และมีเพลงที่ได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำพระราชทาน หลายเพลง เช่น “โลกนี้คือละคร” (ขับร้องโดย ปรีชาบุณยะเกียรติ) “เบ้าหลอมดวงใจ” และ “มนต์รักลูกทุ่ง”(ขับร้อง โดย ไพรวัลย์ ลูกเพชร) “ฝนเดือนหก” (ขับร้องโดย รุ่งเพชร แหลมสิงห์) “ยมบาลเจ้าขา” (ขับร้องโดย บุปผา สายชล) เป็นต้น โดยเฉพาะเพลงที่เป็นตำนานให้คนกล่าวถึงมากคือ “กลิ่นโคลนสาปควาย” (ขับร้องโดยชาญ เย็นแข) เป็นเพลงที่แต่งเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๖ นั้น ถูกประกาศห้ามเปิดในช่วงการปราบปรามคอมมิวนิสต์ ซึ่งยิ่งห้ามก็เท่ากับกระตุ้นให้คนอยากฟังมากจนพากันซื้อแผ่นเสียงไปฟังเป็นจำนวนมาก เพลงนี้ได้รับการยกให้เป็นต้นแบบของเพลงลูกทุ่ง ทำให้เกิดเพลงแนวนี้ตามมาจนมีการเรียกเพลงลูกกรุงและเพลงลูกทุ่งให้แตกต่างกันในเวลาต่อมา เสียดายที่ครูไพบูลย์อายุสั้น เมื่อ ๕๖ ปีนั้นได้ล้มป่วยและเสียชีวิตเมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๑๕
หุ่นครูไพบูลย์ บุตรขัน
ผลงานการแต่งเพลงของครูไพบูลย์ บุตรขัน นั้น มีอยู่จำนวนมาก ซึ่งถือเป็นเพลงลูกทุ่งชั้นครูที่มีเรื่องราวอย่างเรื่องสั้น จึงได้รับความนิยมอยู่ทุกสมัย ในปี พ.ศ.๒๕๓๒ นั้นมีเพลงของครูได้รับรางวัลพระราชทานตามมาในงานกึ่งศตวรรษเพลงลูกไทย อีก ๑๐ เพลง ได้แก่ “ชายสามโบสถ์” (ขับร้องโดย คำรณ สัมบุญณานนท์) “น้ำตาเทียน” (ขับร้องโดย ทูล ทองใจ) “บ้านไร่น่ารัก” และ “เพชรร่วงในสลัม” (ขับร้องโดย ชินกร ไกรลาศ) “ฝนซาฟ้าใส” (ขับร้องโดย ยุพิน แพรทอง) “ฝนเดือนหก” (ขับร้องโดย รุ่งเพชร แหลมสิงห์) “บุพเพสันนิวาส” และ “มนต์รักแม่กลอง” (ขับร้องโดย ศรคีรี ศรีประจวบ) “มนต์รักลูกทุ่ง” (ขับร้องโดย ไพรวัลย์ ลูกเพชร) และ “ยมบาลเจ้าขา” (ขับร้องโดย บุปผา สายชล) และในปี พ.ศ.๒๕๓๔ มีเพลงได้รับรางวัลอีกคือเพลง “หนุ่มเรือนแพ” (ขับร้องโดย กาเหว่า เสียงทอง) ด้วยความอัจฉริยะที่หาได้ยากและเป็นครูผู้สร้างผลงานให้ศิษย์อย่างมากมาย เพลงของครูทำให้ศิษย์ได้เป็นศิลปินแห่งชาติ เป็นนักร้องลูกทุ่งที่มีชื่อเสียง ดังนั้น เรือนไม้ริมแม่น้ำเจ้าพระยาของครูจึงถูกนำมาจัดเป็นแหล่งเรียนรู้ให้คนทั่วไปได้ศึกษาชีวประวัติและผลงานการแต่งเพลง ซึ่งมีการแสดงต้นฉบับ สิ่งของ และนิทรรศการที่เกี่ยวข้องกับ ครูไพบูลย์ บุตรขันผู้ได้รับการยกย่องเป็น “บูรพศิลปิน” จากกระทรวงวัฒนธรรม
ต้นฉบับลายมือครู
ในวาระ ๑๐๐ ปีแห่งชาตกาลของครูไพบูลย์ บุตรขัน ในปีนี้จึงเป็นความหวังของศิษย์และผู้ที่นิยมเพลงลูกทุ่งไทยว่าผลงานของครูที่สร้างสรรค์เพลงลูกทุ่งนั้นจะมีชื่อเสียงและเผยแพร่ให้กว้างไกลมากขึ้น ทุกปีนั้นศิษย์เก่า-ใหม่จะพร้อมกันมาทำบุญแสดงความกตัญญูและระลึกเพลงของครูที่ไม่มีวันตายในที่แห่งนี้ตลอดไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี