จากการนิทรรศการเรื่อง “จากบ้านสู่เมือง รัฐแรกเริ่มบนแผ่นดินไทย” ของกรมศิลปากรที่จัดขึ้นยาวนานตั้งแต่มิถุนายนจนถึง ๓๐ กันยายน กับโครงการพิพิธภัณฑ์เสวนาเรื่อง “ทวารวดี รัฐโบราณ วัฒนธรรมหรือศิลปกรรม” และเรื่องศรีวิชัยในสุวรรณทวีปฯนั้นได้ทำให้ความสำคัญของรัฐโบราณที่อยู่ในดินแดนสุวรรณภูมินั้น ต้องปรับเปลี่ยนความรู้ไปพร้อมกับการพบหลักฐานใหม่ในคาบสมุทรภาคใต้
พระพุทธรูปศิลปทวาราวดี
ด้วยดินแดนสุวรรณภูมินั้นนักโบราณคดีสันนิษฐานว่าศูนย์กลางน่าจะอยู่ที่ตอนกลางของคาบสมุทรอินโดจีน ด้วยเหตุเป็นจุดกึ่งกลางที่เชื่อมต่อการเดินทะเล การขนถ่ายสินค้าระหว่างทะเลทาง
ด้านทิศตะวันตกของคาบสมุทรกับทะเลด้านทิศตะวันออกได้สะดวกกว่าที่อื่นจนเชื่อว่าเป็น เมืองท่าสำคัญด้านตะวันตกคือ พื้นที่บริเวณ อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงาและอำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ และขนถ่ายสินค้าไปมาสู่เมืองท่าสำคัญด้านทิศตะวันออกคือ พื้นที่อำเภอพุนพิน อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี “ดินแดนสุวรรณภูมิยุคแรก” นั้น “เมืองพันพาน”น่าจะเป็นเมืองศูนย์กลางดังกล่าว ในคัมภีร์มหาวงศ์ของลังกา บันทึกว่าเมื่อราว พ.ศ. ๒๓๖ สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ทรงอุปถัมภ์ศาสนาพุทธ เมื่อทำสังคายนา ครั้งที่ ๓ แล้วได้ส่งพระเถระผู้รู้ธรรมมาประกาศพระศาสนายังสุวรรณภูมิ คือพระโสณเถระและพระอุตตระเถระซึ่งเดินทางเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิ
พระกฤษณพ เมืองศรีเทพ
การปรากฏชื่อ “ทวารวดี”ขึ้นเพื่อเรียกเป็นศิลปกรรม/วัฒนธรรมหรือรัฐโบราณหนึ่งในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่เมืองเพชรบุรี ราชบุรี นครปฐม สุพรรณบุรี ลพบุรี นั้น สืบจากเหตุที่มีการพบเหรียญเงินจำนวนมาก และมีจารึกภาษาสันสฤตว่า “ศฺรีทฺวารวตีศฺวรปุณฺยะ” ที่แปลว่า “บุญกุศลของพระราชาแห่งทวารวดี” หรือ “พระเจ้าศรีทวารวดี ผู้มีบุญอันประเสริฐ” ดังนั้น ศูนย์กลางของทวารวดีจึงมีความเห็นต่างมากมาย เช่น อู่ทอง เป็นทวารวดียุคแรกประมาณพุทธศตวรรษที่ ๘-๑๒และนครปฐม เป็นทวารวดียุคหลังประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๓-๑๔ การที่ทวารวดี เป็นเมืองท่าค้าขายนั้น จึงมีพ่อค้าชาวต่างชาติคืออินเดีย เข้ามาติดต่อค้าขายที่สำคัญ ทำให้ทวารวดีรับอิทธิพลของพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท ศิลปกรรม-วัฒนธรรมตลอดจนแบบแผนการปกครองจากอินเดีย จนเกิดการผสมผสานจนกลายเป็นวัฒนธรรมทวารวดีและความเป็นทวารวดีนั้นเริ่มเสื่อมลงเมื่อขอมโบราณได้มีอิทธิพลเข้ามาในบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๑๕ เป็นต้นมาก่อนจะสิ้นสุดอำนาจลงโดยสิ้นเชิงในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๘
พระวิษณุ-เขาศรีวิชัย
ส่วนศรีวิชัยนั้น ในเอกสารจีนโบราณ เรียกว่า ชิลิโฟชิ เกิดขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๑โดยราชวงศ์ไศเลนทร์ เมื่อฟูนันล่มสลายลงก็รวมตัวเป็นรัฐโบราณของชาติพันธุ์มลายูโบราณ มีอาณาเขตคลุมบริเวณมลายู เกาะชวา เกาะสุมาตรา ช่องแคบมะละกา ช่องแคบซุนดา และบริเวณภาคใต้ของไทย ซึ่งมีหลักฐานการติดต่อกับนาลันทาซึ่งมีมหาวิทยาลัยของคณะสงฆ์นิกายมหายาน ในแคว้นเบงกอล ของอินเดีย เดิมนั้นว่าศูนย์กลางอำนาจศรีวิชัย นั้นน่าจะอยู่ที่ปาเล็มบัง บนเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย แม้จะมีการเสนอว่าเมืองไชยาสุราษฎร์ธานี เป็นศูนย์กลางจากการพบจารึกระบุชื่อและรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรอีกยังเป็นพื้นที่เหมาะกับการติดต่อกับอินเดียและโลกภายนอกก็ตาม ศรีวิชัยนี้ในปี พ.ศ. ๑๕๖๘ ได้ถูกโจมตีจากโจฬะซึ่งอยู่ทางอินเดียตะวันออกเฉียงใต้ ดังนั้นการเกิดขึ้นของศิลปกรรมและรัฐโบราณนั้นไม่ว่าจะเป็น ฟูนัน,ศรีจนาศะ, ลพบุรี, ศรีเทพ, ทวารวดี, ศรีวิชัย, ตามพรลิงค์, ลังกาสุกะ เป็นต้น แต่ละแห่งนั้นต่างมีการสร้างศิลปกรรมของตนและบูรณาการกันจนเป็นวัฒนธรรมของรัฐโบราณให้น่าสนใจเรียนรู้ทั้งสิ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี