เรื่องต้องรู้ของโรคอัลไซเมอร์

เรื่องต้องรู้ของโรคอัลไซเมอร์

วันจันทร์ ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2561, 06.00 น.
Tag :

ทุกวันที่ 21 กันยายนของทุกปี เป็นวันอัลไซเมอร์โลกราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย จึงมีเรื่องหลากหลายสาระที่เลือกนำมาแบ่งปันกัน หลังจากที่คนทั่วไปมักที่จะมีข้อสงสัยกันว่า โรคสมองเสื่อม กับโรคอัลไซเมอร์ คือโรคเดียวกันหรือไม่ อาการโรคอัลไซเมอร์ แตกต่างจากอาการหลงลืม ของผู้สูงวัยอย่างไร และโรคอัลไซเมอร์ ป้องกันได้หรือไม่

ศาตราจารย์นายแพทย์วีรศักดิ์ เมืองไพศาล ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย ไขข้อข้องใจถึงประเด็น “โรคสมองเสื่อม” กับ “โรคอัลไซเมอร์” คือโรคเดียวกันหรือไม่ อธิบายว่า โรคสมองเสื่อม เป็นกลุ่มอาการที่เกิดจากความเสื่อมของความจำ การคิดอ่าน การวางแผน ตัดสินใจการใช้ภาษา ทักษะในการทำกิจกรรมต่างๆ ทำให้ไม่สามารถทำกิจกรรมหรืออาชีพที่เคยทำได้ตามเดิม และอาจมีพฤติกรรมและอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย ทั้งนี้ สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการสมองเสื่อม ที่พบบ่อยเป็นอันดับ 1 พบถึงร้อยละ 60-70 ได้แก่ โรคอัลไซเมอร์ ซึ่งเกิดจากการที่เซลล์สมองเสื่อม ส่วนสาเหตุของสมองเสื่อมที่พบบ่อยอันดับ 2 คือ สมองเสื่อมจากโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งพบในผู้ที่มีความเสี่ยงของโรค เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง สูบบุหรี่ หัวใจเต้นผิดจังหวะ อาจจะผสมกันทั้ง 2 อย่าง ส่วนสาเหตุอื่นๆ ได้แก่ สมองเสื่อมจากโรคพาร์กินสัน และสมองเสื่อมจากเซลล์สมองเสื่อมชนิดต่างๆ


 

ส่วนอาการโรคอัลไซเมอร์นั้น ส่วนใหญ่แล้วผู้ป่วยที่เป็นโรคอัลไซเมอร์ จะมีอาการหลงลืมในเรื่องราวที่พึ่งเกิดขึ้น
ในระยะสั้นหรือหลงลืมความรู้ใหม่ แต่เหตุการณ์ในอดีตจะจำได้ดีซึ่งอาการหลงลืมนี้จะรวมไปถึงเหตุการณ์สำคัญในชีวิต เช่น งานแต่งงาน แต่ถ้าเป็นผู้สูงวัย อาจจะลืมเรื่องชื่อหรือการนัดหมาย แต่มักจะนึกออกได้ในภายหลัง มีความสามารถในการจัดการปัญหาต่างๆ ได้น้อยลง มีความลำบากในการทำกิจวัตรประจำวันมากขึ้น เช่น การขับรถหลงทางแม้จะเป็นเส้นทางเดิมๆ สถานที่เดิมๆ ที่เดินทางไปประจำ การใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีความสลับซับซ้อน อีกหนึ่งปัญหาที่พบในผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์คือ การมองเห็นและการปรับระยะทาง ซึ่งอาจจะเกิดปัญหาในการขับรถหรือทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย

ไม่เพียงเท่านั้นผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ จะมีปัญหาเกี่ยวกับการเลือกใช้คำพูด ซึ่งจะทำให้ขาดการเชื่อมต่อของประโยคทำให้พูดไม่ประติดประต่อ หรือพูดไม่จบประโยคเนื่องจากหาคำที่เหมาะสมไม่ได้ บางครั้งจะเรียกชื่อสิ่งของผิดๆ เช่น เรียกปากกาเป็นดินสอ หรือแว่นตา เป็นนาฬิกา แต่ถ้าเป็นผู้สูงวัย ก็อาจจะมีปัญหาในการหาคำพูดที่ถูกต้องบ้างเป็นบางครั้ง การหาของไม่เจอหรือวางของผิดที่อาจเกิดขึ้นได้ในผู้สูงอายุแต่ส่วนใหญ่จะนึกได้ในภายหลัง แต่ถ้าเป็นผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์จะวางของในที่ที่ไม่เคยวาง เช่น ใส่แว่นตาในตู้เย็นและลืมสนิท ไม่สามารถจะคิดย้อนกลับได้เลย และบางครั้งก็จะกล่าวหาว่าผู้ใกล้ชิดขโมยของไปเพราะหาไม่เจอ

นอกจากนี้ ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ จะเริ่มมีการตัดสินใจผิดพลาดและเป็นมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับการเงินและการลงทุน การตัดสินใจเกี่ยวกับการดูแลตัวเอง การรักษาความสะอาดตัวเอง แต่ถ้าเป็นผู้สูงวัย การตัดสินใจผิดพลาดอาจเกิดขึ้นได้บ้าง แต่ไม่บ่อยถือว่าเป็นเรื่องปกติ ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์จะเริ่มเก็บตัวลดงานอดิเรกกิจกรรมทางสังคม แม้แต่กีฬาที่ชื่นชอบ เพราะไม่สามารถจะทำได้ดีแบบเดิม แต่ถ้าเป็นผู้สูงวัยบางทีอาจจะเก็บตัวเนื่องจากเบื่องาน เบื่อครอบครัว กิจกรรม ทางสังคม หรือมีปัญหาด้านสุขภาพทางกาย ในด้านการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์และบุคลิกภาพ ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ จะเริ่มมีอาการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ระยะแรกๆ และจะเป็นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ที่พบบ่อยที่สุดคือภาวะซึมเศร้า มึนงง วิตกกังวล หวาดกลัว นอนไม่หลับเห็นภาพหลอน โดยไม่มีสาเหตุซึ่งสามารถเกิดขึ้น ทั้งในที่บ้าน และที่ทำงาน แต่ถ้าเป็นผู้สูงวัยก็อาจจะมีสภาวะการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ หรือหงุดหงิดได้บ้าง ถ้ามีสาเหตุ ยกตัวอย่างเช่น กิจกรรมที่ทำเป็นประจำถูกเปลี่ยนแปลง

 

ศาตราจารย์นายแพทย์วีรศักดิ์ เมืองไพศาล

สำหรับการป้องกันภาวะสมองเสื่อม จากการประชุม Alzhimer’s Association International Conference 2017
(AAIC 2017) ที่จัดขึ้น ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษที่ผ่านมา มีรายงานว่า ถ้าสามารถลดปัจจัยเสี่ยง 9 อย่างของการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ ก็จะสามารถป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ถึง 1 ใน 3 ของปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว ซึ่งแบ่งออกตามอายุ ดังนี้ คือ วัยเด็ก การศึกษาน้อยคือปัจจัยเสี่ยงจนถึงอายุ 15 ปี, วัยกลางคน ความดันโลหิตสูง, โรคอ้วน, โรคหูตึงและวัยผู้สูงอายุโรคซึมเศร้า, โรคเบาหวาน, ไม่ออกกำลังกาย, สูบบุหรี่ และการไม่เข้าสังคม

ดังนั้น การป้องกันโรคอัลไซเมอร์ จึงสามารถจะทำได้ตั้งแต่วัยเด็ก โดยสามารถทำได้โดยในวัยเด็กควรได้รับการศึกษาที่เหมาะสมตามเกณฑ์ ดูแลรักษาสุขภาพให้ห่างไกลจากปัจจัยเสี่ยงเกี่ยวกับโรคหลอดเลือดทั้งหลาย เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และโรคอ้วน ในขณะที่อยู่ในวัยหนุ่ม-สาว แก้ไขโรคหูตึง โรคซึมเศร้า ตั้งแต่วัยกลางคน ปรับปรุงการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน เช่น ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอสัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ การพูดคุยพบปะผู้อื่นบ่อยๆ เช่น ไปวัด ไปงานเลี้ยงต่างๆ หรือเข้าชมรมผู้สูงอายุ สุดท้ายคือ การ
มีสติในสิ่งต่างๆ ที่กำลังทำและฝึกสมาธิอยู่ตลอดเวลา

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top