เปิดนิทรรศการ ดร.พิรงรอง รามสูต รองอธิการบดี จุฬาฯ,รศ.ดร.สันติ ฉันทวิลาสวงศ์, รศ.ดร.ศุภกรณ์ ดิษฐพันธุ์, กรรชิต จิตระทาน จาง จึ ซ่าน
นิทรรศการ “Baby Carriers” Taiwan National Museum of Prehistory ร่วมกับ Taipei Economic & Cultural Office in Thailand และสำนักบริหารศิลปวัฒนธรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดนิทรรศการนานาชาติ “Baby Carriers” ณ นิทรรศสถาน อาคารศิลปวัฒนธรรมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งแต่วันนี้-วันที่ 26ตุลาคม 2561 ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมนิทรรศการได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ
โดยวันเปิดงานมี ศ.ดร.พิรงรอง รามสูตรองอธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, รศ.ดร.สันติ ฉันทวิลาสวงศ์ ที่ปรึกษาอธิการบดี, กรรชิตจิตระทาน ผู้อำนวยการสำนักบริหารศิลปวัฒนธรรม,หรรษา คำล้วน ผู้อำนวยการฝ่ายพิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ สำนักบริหารศิลปวัฒนธรรม,รศ.ดร.ศุภกรณ์ ดิษฐพันธุ์ อาจารย์ประจำภาควิชานฤมิตศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์, รัชฎากรณ์กล้าเกิด ภัณฑารักษ์ สำนักบริหารศิลปวัฒนธรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และชือ ป๋อ ชื่อ รองผู้แทนรัฐบาลประจำสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปประจำประเทศไทยร่วมเปิดงาน พร้อมทั้งมีการแสดงชุดพิเศษ “cuddle” ฝึกซ้อมการแสดงโดย ผศ.มาลินี อาชายุทธการ อาจารย์ภาควิชานาฏยศิลป์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
หรรษา คำล้วน ผอ.ฝ่ายพิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ สำนักบริหารศิลปวัฒนธรรมจุฬาฯ
จาง จึ ซ่าน ภัณฑารักษ์นิทรรศการ “Baby Carriers” Taiwan National Museum of Prehistory กล่าวว่า นิทรรศการ “Baby Carriers” หรือการอุ้มเด็ก ได้เริ่มจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในไต้หวันเมื่อปี 2014 และมีการจัดแสดงหมุนเวียนในต่างประเทศโดยประเทศไทยได้จัดขึ้นในปีนี้ ซึ่งวัตถุประสงค์คือการแสดงถึงความรักของแม่และศิลปวัฒนธรรมของชาติพันธุ์ที่มีมช้านาน
สำหรับลักษณะของนิทรรศการนั้นจะเป็นการจัดแสดงอุปกรณ์ที่ใช้อุ้มเด็กห่อหุ้มเด็กและผ้าอุ้มเด็กในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งเป็นการแสดงออกซึ่งความรักที่แม่มีต่อลูก ผสมผสานกันกับการเล่าเรื่องราวนับตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์และวิจัยทางโบราณคดีที่กล่าวถึงความสัมพันธ์กับการเลี้ยงดูและการดูแลเด็กในไต้หวันตั้งแต่ดอีตจนถึงปัจจุบัน
“นิทรรศการจะนำเสนอภาพรวมของวัฒนธรรมของผ้าอุ้มเด็กและการเลี้ยงดูเด็กของชาวหมิ่นหนาน(Minnan) ชาวฮากกา (Hakka) กลุ่มคนที่พูดภาษาในตระกูลออสโตรนีเซียนในไต้หวัน และครอบคุลมถึงประชากรในบริเวณรอบไต้หวัน อีกทั้ง นิทรรศการยังจัดแสดงผ้าสะพายและอุ้มเด็ก รวมไปถึงสิ่งของเครื่องใช้ที่ใช้ในการดูแลเด็กจากชนกลุ่มน้อยในบริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของจีน กลุ่มคนที่พูดภาษาในตระกูลออสโตรนีเซียนจากเกาะบอร์เนียว, บาหลี, ไซบีเรีย และกลุ่มชาติพันธุ์ในเอเชียใต้ซึ่งชนเผ่าต่างๆ และกลุ่มคนได้มีการพัฒนาระบบและรูปแบบของผ้าอุ้มเด็ก อันมีพื้นฐานที่มาจากวัฒนธรรมเฉพาะตัวของพื้นถิ่นนั้นๆวิถีชีวิต สภาพอากาศ รวมไปถึงประสบการณ์ทางสุนทรียภาพ อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีความแตกต่างกันในการออกแบบผ้าอุ้มเด็กแต่ก็มีบางสิ่งที่เหมือนกัน คือ แนวคิดของการเลี้ยงดูการให้ความสุขและการป้องกันอันตราย นอกจากนี้ยังมีความรักที่มีความเป็นอมตะและเป็นภาษาสากล”
รศ.ดร.ศุภกรณ์ ดิษฐพันธุ์ อาจารย์ประจำภาควิชานฤมิตศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่านิทรรศการศิลปะต่างๆ ล้วนแล้วแต่เป็นการสื่อถึงข้อคิด การดำเนินชีวิต รวมทั้งเป็นสิ่งเชื่อมความสัมพันธ์อันดีในมิติต่างๆ เช่นศิลปะและวัฒนธรรม การท่องเที่ยว ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สำหรับนิทรรศการ “Baby Carriers” นั้นนับเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับไต้หวัน ซึ่งเรามีรากเหง้าทางวัฒนธรรมอะไรหลายๆ อย่างคล้ายคลึงกัน อย่างเรื่องผ้าอุ้มเด็ก ประเทศไทยเราก็มี สะท้อนให้เห็นถึงพลังรักที่อบอุ่นของแม่ ด้วยอ้อมกอดสองมือแม่ คือสิ่งที่สร้างสรรค์พลเมืองโลกให้เป็นคนที่มีคุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี