ถ้าพูดถึงคำว่า “วัยทอง” คนส่วนใหญ่มักจะคิดถึงการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจของผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน แต่ในความเป็นจริงแล้วผู้ชายมีช่วงนี้เหมือนกัน เพียงแต่อาการของชายวัยทองนั้นจะค่อยเป็นค่อยไปไม่แสดงออกอย่างชัดเจนและสังเกตอาการค่อนข้างยากกว่าผู้หญิง
ข้อมูลจาก ผศ.นพ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ กรรมการบริหาร มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ เปิดเผยว่า ตามปกติชายวัย 40 ปีขึ้นไป จะมีระดับฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเตอโรนลดลงประมาณปีละ 1% โดยจะลดลงไปเรื่อยๆ แต่ไม่มีการหยุดทำงาน ซึ่งแตกต่างจากวัยทองในเพศหญิงที่รังไข่จะหยุดผลิตฮอร์โมนเพศหญิงโดยสิ้นเชิง ดังนั้นอาการผิดปกติต่างๆ ที่เกิดในชายวัยทองจึงไม่ชัดเจนและรุนแรงเหมือนกับสตรีวัยทอง อย่างไรก็ดี ภาวะพร่องฮอร์โมนที่เกิดขึ้นในเพศชาย ไม่ได้เกิดกับผู้ชายทุกคน และมีอาการแตกต่างกันไปในแต่ละคน โดยอวัยวะที่มีความสัมพันธ์กับการเริ่มพร่องลงของฮอร์โมนเพศชายจะเริ่มเสื่อมการทำงานลง ซึ่งจะทำให้เกิดอาการทางด้านจิตใจและอารมณ์ตามมา โดยมีสัญญาณเตือนภัยให้สังเกตกันดังต่อไปนี้
อาการทางด้านสติปัญญาและอารมณ์ เช่น เครียดและหงุดหงิดง่าย เฉื่อยชาลง ขาดสมาธิในการทำงาน ความจำระยะสั้นลดลง บางคนหากมีอาการมากๆ ก็จะรู้สึกท้อแท้ เบื่อหน่ายชีวิต หรือซึมเศร้าลง
อาการทางด้านระบบไหลเวียนโลหิต เช่น อาจมีอาการร้อนวูบวาบ เหงื่อออกมาก ชีพจรเต้นเร็ว
อาการทางด้านร่างกาย ได้แก่ อ่อนเพลียไม่มีแรง เหนื่อยง่ายขึ้นเบื่ออาหาร ปวดเมื่อยตามตัวโดยไม่มีสาเหตุ ไม่กระฉับกระเฉง กล้ามเนื้อต่างๆ ของร่างกายนั้นมีลักษณะเล็กและลีบลงในขณะที่ไขมันในร่างกายนั้นเพิ่มพูนได้ง่าย ก่อให้เกิดความอ้วนและลงพุง ภาวะกระดูกพรุน
อาการทางด้านจิตใจและเพศ เช่น อาการนอนไม่หลับ ตื่นตกใจง่าย ความต้องการทางเพศและสมรรถภาพทางเพศเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ดีผู้ชายส่วนใหญ่มักปฏิเสธไม่ยอมรับความจริงว่าตัวเองเริ่มมีอายุมากขึ้น มักอ้างว่าเป็นผลจากการทำงานหนัก ความเครียดที่ต้องทำงานรับผิดชอบครอบครัว ที่สำคัญผู้ชายส่วนใหญ่มักจะไม่เอ่ยปากพูดเรื่องนี้กับใครและไม่ไปพบแพทย์
รับมือปัญหาแห่งวัยอย่างไรดี
การเข้าสู่วัยทองของผู้ชายไม่มีช่วงอายุที่แน่นอน หรือแสดงอาการเด่นชัดเหมือนเพศหญิงแต่เป็นการสะสมความถดถอยในระยะยาว เพราะนอกจากเรื่องของอายุซึ่งเป็นปัจจัยตามธรรมชาติแล้ว การลดลงของระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนจะเกิดขึ้นเร็วหรือช้ายังขึ้นอยู่กับพฤติกรรมและสภาวะบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหนัก การพักผ่อนน้อย ความเครียด ความวิตกกังวล การดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงการสูบบุหรี่ และโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ฯลฯ ดังนั้นบางรายอาจเริ่มแสดงอาการตั้งแต่วัย 40 ขณะที่บางคนมักจะไม่มีอาการอะไรให้เห็นจนอายุ 60 ก็มี ดังนั้นคุณผู้ชายทั้งหลายจึงควรเตรียมตัวให้พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ด้วยหลักง่ายๆ ดังนี้
พักผ่อนให้เพียงพอ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอาจทำให้ร่างกายอ่อนล้าและต้องการการพักผ่อนมากกว่าปกติ การนอนหลับถือเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด เพราะร่างกายทุกส่วนจะได้พักผ่อนและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ รวมทั้งช่วยให้สมองปลอดโปร่งแจ่มใส หากใครมีอาการนอนไม่หลับ หรือหลับๆ ตื่นๆ อยู่บ่อยๆ ควรหลีกเลี่ยงความเครียดและความวิตกกังวล เพราะจะส่งผลให้มีปัญหาการนอน ขณะเดียวกันก่อนนอนควรดื่มนมอุ่นๆ หรือชาคาโมมายด์ หรือใช้น้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ชอบนวดผ่อนคลาย เพื่อช่วยให้รู้สึกสบายและนอนหลับได้ง่ายขึ้น
สร้างบริโภคนิสัยที่ดี เลือกรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์อย่างหลากหลาย เพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วนตามสัดส่วนที่ร่างกายต้องการ โดยพยายามเน้นอาหารประเภทผัก ผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ รวมทั้งมีกากใยสูงซึ่งช่วยให้ระบบย่อยและขับถ่ายทำงานได้ดี หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง ของทอด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และกาเฟอีนที่มากเกินไป ดื่มน้ำสะอาดไม่ต่ำกว่า 8 แก้ว
ขยับกายสบายชีวี หมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละไม่น้อยกว่า 30 นาที เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อและกระดูกแข็งแรงขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข ลดความเครียด ช่วยให้คุณนอนหลับได้สบายขึ้น การออกกำลังกาย ที่เหมาะสำหรับวัยนี้คือการขี่จักรยาน การเดินเร็ว ว่ายน้ำ เป็นต้น
เตรียมอารมณ์และจิตใจ แม้คุณจะมีเรื่องวุ่นวายใจต้องขบคิดกับปัญหารอบด้าน การสูดลมหายใจลึกๆ หลับตา และนับ 1-10 หรือจะเลือกสวดมนต์ ทำสมาธิ ช่วยสร้างความสงบสุขทางจิตใจและช่วยให้คุณมีสติ พร้อมฝ่าฝันปัญหาและอุปสรรคต่าง ให้ผ่านพ้นไป ขณะเดียวกันควรทำจิตใจให้สงบมองโลกในแง่ดีและละวางจากความเครียด ด้วยการทำกิจกรรมที่ชอบ หรือสนุกกับงานอดิเรก เพื่อความเพลิดเพลินและเพิ่มคุณค่าให้กับตัวเอง
หมั่นตรวจสุขภาพประจำ อย่างน้อยปีละครั้งจะช่วยให้คุณทราบถึงความเปลี่ยนแปลงของระบบต่างๆ ในร่างกาย หากเกิดมีสิ่งผิดปกติยังสามารถแก้ไขได้ทันท่วงที ไม่ปล่อยให้เป็นมากจนมีภาวะแทรกซ้อนจึงจะรักษา คุณจึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกโปรแกรมการตรวจที่เหมาะสมสำหรับตัวคุณเอง
ทั้งนี้ ถ้าทำความเข้าใจและพร้อมปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและจิตใจที่เกิดขึ้น รวมทั้งคนรอบข้างให้การสนับสนุนชายวัยทองก็สามารถมีความสุขไปพร้อมกับการมีสุขภาพดีและยังดูหนุ่มกว่าวัยไปได้อีกด้วย
โดย ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี