โรคไตเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญของคนไทย ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังประมาณ 8 ล้านคน ข้อมูลจาก พญ.กรทิพย์ ผลโภคนายแพทย์ชำนาญการ งานโรคไต กลุ่มงานอายุรศาสตร์ รพ.ราชวิถี เปิดเผยว่า สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้าย นอกจากการรักษาด้วยการฟอกเลือดและล้างไตทางช่องท้องแล้ว การรักษาโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้ายที่ดีที่สุด คือ การปลูกถ่ายไต ซึ่งเป็นวิธีที่ทำให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้คล้ายคนปกติมีคุณภาพชีวิตดีที่สุดและอยู่ได้ยาวนานที่สุด โดยผู้ป่วยต้องได้รับยากดภูมิคุ้มกันอย่างสม่ำเสมอตลอดระยะเวลาที่ไตที่ได้ปลูกถ่ายยังทำงานอยู่ เพื่อไม่ให้เกิดการปฏิเสธไตของผู้บริจาค การผ่าตัดปลูกถ่ายไตให้ได้ประสิทธิผลดีต้องพิจารณาถึงความเข้ากันได้ของหมู่เลือดและเนื้อเยื่อของผู้บริจาคและผู้รับไต เพื่อให้ไตใหม่ที่ปลูกถ่ายทำงานทดแทนไตเดิมให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดและไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน
ผู้ป่วยที่จะได้รับการปลูกถ่ายไตต้องเป็นผู้ป่วยไตเรื้อรังระยะสุดท้าย ซึ่งส่วนใหญ่จะได้รับการฟอกเลือดหรือล้างไตทางช่องท้องอยู่แล้ว จำเป็นต้องดูแลสุขภาพและตัวโรคให้ดี ไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เพื่อให้ร่างกายสมบูรณ์พร้อมสำหรับการปลูกถ่ายไต นอกจากการตรวจติดตามปกติแล้ว ต้องมีการเตรียมตัวเพิ่มเติม ดังนี้
1.การตรวจร่างกาย ตรวจเลือด และค้นหาความผิดปกติที่อาจเป็นปัญหาต่อการผ่าตัดและภาวะหลังปลูกถ่ายไต ได้แก่ โรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคติดเชื้อ และมีตรวจติดตามเป็นระยะระหว่างรอรับไตเพื่อประเมินและให้ผู้ป่วยเตรียมพร้อมสำหรับการผ่าตัดปลูกถ่ายไต
2.การเตรียมผู้บริจาค กรณีรับไตจากผู้บริจาคที่มีชีวิต ต้องมีการตรวจร่างกาย ตรวจเลือดและปัสสาวะ โดยเฉพาะการทำงานของไต เพื่อประเมินว่าสุขภาพแข็งแรงพร้อมที่จะเป็นผู้บริจาคไตได้
3.ช่วงก่อนทำการผ่าตัดปลูกถ่ายไตผู้ป่วยต้องงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6 ชั่วโมง รวมถึงปรับการฟอกเลือดให้เหมาะสมก่อนเข้าผ่าตัด แต่ในกรณีที่ได้รับอวัยวะบริจาคจากผู้บริจาคสมองตาย ถือเป็นกรณีเร่งด่วน ผู้ป่วยต้องงดน้ำงดอาหารทันทีที่ได้รับแจ้งอวัยวะ และเข้ารับการประเมินความพร้อมอีกครั้งก่อนผ่าตัด
ซึ่งหลังจากได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายไตแล้ว ผู้ป่วยจะต้องพักฟื้นในหอผู้ป่วยวิกฤติอย่างน้อย 24 ชั่วโมง หลังจากนั้นจะพักฟื้นในหอผู้ป่วยอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อสังเกตการทำงานของไตใหม่ที่ปลูกถ่าย และเมื่ออาการคงที่แพทย์ก็จะอนุญาตให้กลับบ้านได้
หลังปลูกถ่ายไตผู้ป่วยต้องดูแลร่างกาย คือ
1.จำเป็นต้องได้รับยากดภูมิคุ้มกันอย่างสม่ำเสมอตลอดระยะเวลาที่ไตที่ได้ปลูกถ่ายยังทำงานอยู่ในร่างกายของผู้ป่วย เพื่อป้องกันการปฏิเสธไตที่ปลูกถ่าย
2.อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีโอกาสติดเชื้อน้อย โดยเฉพาะช่วง 6 เดือนแรกที่ได้รับยากดภูมิขนาดสูง ซึ่งจะทำให้มีโอกาสที่จะติดเชื้อแทรกซ้อนง่าย และหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีคนแออัดพลุกพล่าน
3.ต้องดูแลสุขอนามัยของอาหารที่รับประทาน และระมัดระวังอาหารบางชนิด เนื่องจากภูมิคุ้มกันต่ำ มีความเสี่ยงที่ติดเชื้อจากอาหารที่ไม่สะอาด และยากดภูมิคุ้มกันบางชนิดอาจทำให้เกิดโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง
4.ดื่มน้ำให้เพียงพอ ลดอาหารเค็มหลีกเลี่ยงการใช้ยาต่างๆ นอกเหนือจากคำสั่งของแพทย์ และตรวจสุขภาพตามแพทย์นัดอย่างสม่ำเสมอ
5.หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่อาจเกิดอันตรายต่อไตที่ปลูกถ่าย เช่น การเตะฟุตบอล หรือกิจกรรมที่มีความเสี่ยงในการกระแทกช่วงท้อง โดยผู้ป่วยปลูกถ่ายไตสามารถเริ่มออกกำลังกายเบาๆ ได้เมื่ออาการคงที่แล้วและอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์
ไตบริจาคเพื่อการปลูกถ่ายมี 2 ทางเลือก คือ ไตบริจาคจากผู้มีชีวิต และไตบริจาคจากผู้ป่วยสมองตายข้อมูลจาก นพ.ไพโรจน์ เครือกาญจนา รองผู้อำนวยการด้านวิชาการ รพ.ราชวิถี เปิดเผยว่าสถานการณ์การบริจาคอวัยวะในประเทศไทยในปัจจุบันมีผู้ป่วยสมองตายบริจาคอวัยวะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลล่าสุด ปีพ.ศ. 2560 ผู้ป่วยสมองตายบริจาคอวัยวะคิดเป็น 4.4 ต่อล้านประชากร ทำให้ผู้ป่วยได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะใหม่เพิ่มขึ้นตามลำดับ แต่ยังห่างไกลจากจำนวนผู้ที่รอรับการปลูกถ่ายอวัยวะซึ่งมีมากกว่า6,000 คน และยังมีผู้ป่วยเสียชีวิตระหว่างรออวัยวะกว่า 200 รายต่อปี การปลูกถ่ายอวัยวะอาจเป็นทางรอดเดียวในผู้ป่วยโรคหัวใจ ตับ ปอด และไตวายระยะสุดท้าย หรือแก้ไขความพิการ เช่น กระจกตา จากข้อมูลวิจัยสนับสนุนชัดเจนว่า การปลูกถ่ายอวัยวะเพิ่มโอกาสและอัตราในการรอดชีวิตให้กับผู้ป่วย ซึ่งผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะเปรียบเสมือนได้ชีวิตใหม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ กลับมาสร้างประโยชน์แก่ตนเอง ครอบครัว และประเทศชาติได้
ศูนย์ความเป็นเลิศเฉพาะทางการปลูกถ่ายอวัยวะ ที่จะเกิดขึ้นในอาคารศูนย์การแพทย์ รพ.ราชวิถีประกอบด้วย ทีมสหวิชาชีพที่จะให้การดูแลผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะอย่างครบวงจรตามมาตรฐานสากล นอกจากอุปกรณ์ต่างๆ ในการรักษาแล้ว ยังขาดแคลนงบประมาณที่จะช่วยเหลือค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ป่วยที่ด้อยโอกาสให้ได้มีโอกาสในการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะ เนื่องจากในการปลูกถ่ายอวัยวะเป็นการรักษาที่มีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ผู้ป่วยหลายรายมีข้อจำกัดในเรื่องสิทธิ์การรักษา เช่น สิทธิ์การรักษาไม่ครอบคลุมการปลูกถ่ายอวัยวะ หรือมีค่าใช้จ่ายส่วนเกินจากสิทธิ์ที่มีอยู่ ศูนย์ความเป็นเลิศเฉพาะทางผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะฯ ยังคงมีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณในการจัดหาเครื่องมือแพทย์ให้พร้อมบริการผู้ป่วย ดังนั้นจึงขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมในแคมเปญ “รพ.ราชวิถี ต่อชีวิตเติมบุญ คูณ 2” โดยสามารถร่วมบริจาคได้ที่ ชื่อบัญชี “เงินบริจาคของ รพ.ราชวิถี”หมายเลขบัญชี 051-276128-1ธ.ไทยพาณิชย์ สาขา รพ.ราชวิถี (ลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า) หรือสอบถามโทร.02-3548108-37 ต่อ 3032
โดย ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี