สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ทรงเยี่ยมชาวเล
ข่าวไฟไหม้หมู่บ้านมอแกนที่หมู่เกาะสุรินทร์เมื่อเร็วๆ นี้ ทำให้นึกถึงกลุ่มชาติพันธุ์ “ชาวเล” กลุ่มนี้ขึ้นมาทันที อาทิตย์นี้ขอตามรอยชาวเล ผู้ใช้ชีวิตร่อนเร่อยู่ในท้องทะเล จนมีนามเรียกขานว่า เป็น“ยิปซีแห่งทะเลไทย” ภูมิกลุ่มชาติพันธุ์นี้เดิมเรียกกันว่า “ชาวเล” หลังจากเกิดคลื่นยักษ์สึนามิเมื่อปลายปี พ.ศ.๒๕๔๗ เรื่องราวของชาวเลจึงมีการรับรู้กันมากขึ้น ด้วยวิถีชีวิตที่น่าสนใจนั้นได้ทำให้นักท่องเที่ยวพากันล่องเรือเที่ยวทะเลกันจนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่ง ชาวเลในทะเลไทยนั้นมีอยู่ ๓ กลุ่ม เรียกแตกต่างกันตามพื้นที่ คือ มอแกน มอแกลน และอูรักลาโว้ย ซึ่งต่างมีปัญหาร่วมกันกับพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ชายขอบอีกหลายกลุ่ม จนทำให้ขาดความมั่นใจและภูมิใจในวิถีวัฒนธรรมดั้งเดิมของตน เมื่อการสืบทอดความรู้พื้นบ้านนั้นถูกกีดกัน ไปพร้อมกับสิทธิในการใช้และอาศัยทรัพยากรธรรมชาติแล้ว กลุ่มชาติพันธุ์นี้จึงเหมือนคนนอกที่ได้รับการดูแคลนจากบุคคลที่ไม่เข้าใจในวิถีวัฒนธรรมแบบ “ชาวเล” ด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่มีการยอมรับมากขึ้น นั้นเรื่อง “พหุวัฒนธรรม” จึงทำให้กลุ่มชาติพันธุ์ได้รับการดูแลและให้ความสำคัญจนมีความมั่นคงในที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นต้นเหตุให้เกิดปัญหาต่างๆ ที่ขาดแคลนด้านสาธารณูปโภค ขาดพื้นที่สาธารณะและพื้นที่สีเขียว ของชุมชน การขยายตัวของกลุ่มชาติพันธุ์ได้ทำให้หลายแห่งปลูกบ้านเรือนอย่างไร้ทิศทาง แออัดมากขึ้น ซึ่งเป็นอุปสรรคการลงทุนของกลุ่มนายทุนที่เอาประโยชน์
ท้องทะเลอันดามัน
“ชาวเล” เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีวิถีชีวิต ภาษา วิถีวัฒนธรรมที่ผูกพันกับทะเล มีชื่อเรียกเฉพาะแต่ละพื้นที่ เช่น “มอแกน” นั้นเป็นชาวเลที่อยู่แถบเกาะเหลา เกาะพยาม และเกาะสินไห ในจังหวัดระนอง หมู่เกาะสุรินทร์ ในจังหวัดพังงา และหาดราไวย์ ในจังหวัดภูเก็ต“มอแกลน” เป็นที่อยู่แถบเกาะพระทอง และหมู่บ้านชายฝั่งทะเลกว่ายี่สิบหมู่บ้านในจังหวัดพังงา และภูเก็ต และ “อูรักลาโว้ย” เป็นชาวเลที่อาศัยอยู่บนเกาะต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ชาวเลนั้นเป็นคนพื้นเมืองที่อาศัยในบริเวณชายฝั่งทะเลแถบนี้มาแต่เดิม จนเป็นผู้เชี่ยวชาญทางทะเลที่ยึดการเก็บหาสัตว์ทะเลและพืชผักต่างๆ ในป่าเพื่อการยังชีพชาวเลเป็นคนที่รักพวกพ้อง อ่อนน้อมถ่อมตัว และไม่ละโมบโลภมาก ชาวเลมักจะไม่เกี่ยงงานหนัก โดยเฉพาะงานที่ต้องลงแรงกาย ตรากตรำกรำแดดฝน เป็นต้น ชาวเลทุกกลุ่มนั้นมีความรู้พื้นบ้านเกี่ยวกับทะเล มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการเดินเรือ การสร้างเรือ การเก็บหาสัตว์ทะเล ความรู้นี้ทำให้ชาวเลมีชีวิตอยู่กับทะเลมาอย่างสมดุลนับร้อยๆ ปี ชนเผ่ามอแกน เป็นชาวเลที่สืบเชื้อสายมาจากโปโตมาเล ชนเผ่าผู้ร่อนเร่อยู่ในทะเลอันดามัน มากว่า ๑๐๐ ปี โดยอาศัยอยู่ตามหมู่เกาะ และชายฝั่งทะเลตั้งแต่หมู่เกาะมะริดในเมียนมา ลงไปทางใต้และทางตะวันออกในหมู่เกาะของทะเลซูลู ในประเทศฟิลิปปินส์ รวมถึงชายฝั่งของประเทศมาเลเซีย และอินโดนีเซียด้วย ในหมู่เกาะมะริดในเมียนมานั้นมีชนเผ่ามอแกน ซึ่งมีชื่อเรียกว่า ซลัง เซลัง หรือ ซาเลา (Selon) ซึ่งมาจากคำว่า ซีลอน (CELON) แปลว่า เกาะ ซึ่งเป็นที่อยู่ของชนเผ่าชาวเลนี้
เรือของชาวเล
ชนเผ่ามอแกน ที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ตามเกาะแถบภาคใต้ของไทย มีรูปแบบของวิถีชีวิต ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม ความเชื่อ มีค่านิยมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตน ใช้ชีวิตอยู่กับการเดินทางเคลื่อนย้ายถิ่น ทำมาหากินอยู่ในทะเลอันดามัน วิถีชีวิตส่วนใหญ่นั้น นิยมอาศัยอยู่บนเรือที่เรียกว่า “กำบาง” เที่ยวหากินในทะเล งมหอย ตกปลา จับปูและสัตว์ทะเลต่างๆ อาหารหลัก คือเผือกมัน มีวิถีชีวิตที่สอดคล้องกับฤดูกาลที่มีลมมรสุมตะวันตกเฉียงเหนือ (เดือนพฤษภาคม-เดือนพฤศจิกายน) นั้นมีคลื่นลมจัด ชาวมอแกนนั้นจะอพยพมาสร้างบ้านเรือนตามเกาะ หรือบริเวณชายหาดที่มีอ่าวกำบังคลื่นลมเพื่อหลบลมพายุ ชนเผ่ามอแกนมีความเชื่อในเรื่องของภูตผีและวิญญาณบรรพบุรุษ ดังนั้นเดือนเมษายนของทุกปี กลุ่มชาวเลที่อยู่กระจัดกระจายตามเกาะต่างๆ ในบริเวณใกล้เคียงและในเมียนมาจะมารวมตัวกันที่หมู่เกาะสุรินทร์ เพื่อทำพิธี “ลอยเรือ” บวงสรวงผีและวิญญาณบรรพบุรุษ และเป็นการสะเดาะเคราะห์ให้ปลอดภัยและแคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวง อันเป็นประเพณีดั้งเดิมที่ยังสืบทอดจากอดีตมาจนถึงวันนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี