สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯทอดพระเนตรผลงาน
การเรียนรู้ประวัติศาสตร์นั้น ได้ผ่านการสอนในชั้นเรียนที่มีตำราและพงศาวดาร ภายหลังได้มีนำเนื้อหามาถ่ายทอดผ่านการแสดง ละคร ภาพยนตร์ และทัศนศึกษาเรียนรู้จากโบราณสถานและชมพิพิธภัณฑ์ที่มีโบราณวัตถุและสิ่งของที่บอกเล่าเรื่องราวถึงศิลปกรรมและประวัติศาสตร์ต่างยุคสมัย โดยมีพระราชบัญญัติคุ้มครองดูแล ดังนั้น การที่กรมศิลปากร โดย คุณใหม่-สิริกิติยา เจนเซน ได้จัดโครงการ “วังหน้านฤมิต ในมิติแห่งกาลเวลา” ขึ้นตั้งแต่วันที่ ๖ มีนาคม-๒๘ เมษายน ๒๕๖๒ ณ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร นั้น จึงเป็นรูปแบบทดลองการรับรู้จากการเล่าเกร็ดประวัติศาสตร์ผ่านมุมมองใหม่ๆ และการใช้สื่อที่หลากหลาย เป็นงานสืบต่อหลังจากที่มีโครงการวังน่านิมิตมาแล้วเมื่อเดือนมิถุนายน ๒๕๖๑
คุณใหม่ เป็นวิทยากรนำการชม
การจัดครั้งนี้เป็นการใช้เทคโนโลยีเป็นสื่อ ในการนำเสนอข้อมูลทางประวัติศาสตร์ โดยใช้วังหน้ามาสร้างการมองประวัติศาสตร์ไทยจากหลากหลายมิติ โดยเชิญศิลปิน ช่างเขียนรูป นักพัฒนาแอพพลิเคชั่นนักพฤกษศาสตร์ นักร้องประสานเสียง นักทำหนัง ร็อกเกอร์ เชฟ สถาปนิก นักภาษาศาสตร์ ฯลฯ รวม ๒๐ คน และ ๑ คณะนักร้องประสานเสียง มาสร้างชิ้นงานตามความถนัดของแต่ละคน ทำเป็นโครงการ “วังหน้านฤมิต ในมิติแห่งกาลเวลา” และนิทรรศการ “นัยระนาบนอกอินซิทู : แปลงร่างอดีตในหลืบแห่งปัจจุบัน” ให้ชมโดยไม่รู้ว่าผู้ชมและนักวิจารณ์จะตอบรับและเห็นเป็นอย่างไรกับแบบทดลองที่จัดขึ้น ณ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ซึ่งเป็นท้องพระโรงของวังหน้าที่เคยเป็นที่ออกว่าราชการและต้อนรับแขกเมืองนั้นได้จัดให้ศิลปินและผู้เชี่ยวชาญเข้าไปใช้พื้นที่สำหรับสื่อสาร เพื่อสัมผัสกลิ่นอายและร่องรอยประวัติศาสตร์ เพื่อตั้งคำถามและสนเท่ห์ไปพร้อมกัน ส่วนจะหาแรงบันดาลใจและทำให้ค้นคว้าเพิ่มเติมหรือไม่นั้นขึ้นแต่ละบุคคลที่สนใจแต่ละความคิดสร้างสรรค์ ดังตัวอย่าง เช่น การพัฒนาแอพพลิเคชั่น (Application) ที่โต้ตอบกับผู้ใช้งานโดยออกแบบให้ใช้ร่วมกับกระจกสองบานที่เป็นส่วนหนึ่งของโบราณวัตถุจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ ในอดีตบานกระจกนี้ทำหน้าที่ ๒ ประการด้วยกัน คือใช้ขับไล่วิญญาณชั่วร้าย และใช้เป็นฉากกั้นเขตส่วนพระองค์ของกษัตริย์, การเคลื่อนย้ายลูกแก้วปรอท (Mercury Ball) ที่แสดงอยู่ในพระที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์ มาจัดแสดงให้เห็นการสะท้อนภาพบน ผิวลูกแก้วให้เห็นพื้นที่ที่จัดนิทรรศการและผู้เข้าชม เพื่อสื่อถึงเจ้าพนักงานมองเงาสะท้อนบนลูกแก้วในห้องเสวยเพื่อถวายการรับใช้เมื่อมีพระราชประสงค์, และลูกแก้วปรอทถูกจัดวางสร้างบทสนทนากับห่วงโลหะ ๒ วงที่สลักเนื้อเพลง ลาวแพน เป็นภาษาไทยและภาษาลาว เนื้อเพลงพรรณนาถึงชีวิตชาวลาวในสมัยพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวและคณะนักร้องประสานเสียงสวนพลูได้ขับร้องโดยไม่มีดนตรีบรรเลงประกอบ (A Cappella) ได้ร่วมร้องประสานเพลงซึ่งเรียบเรียงเสียงประสานและปรับแต่งสำหรับการแสดงในพระที่นั่งอิศราวินิจฉัยโดยเฉพาะ, การรับรู้ผ่านงานเขียนสองเล่มภายใต้ชื่อชุด One Million Years เล่มแรกคือ Past เขียนอุทิศแด่ “เพื่อนมนุษย์ผู้ล่วงลับไปแล้ว” ครอบคลุมช่วงเวลา ระหว่าง 998,031 ปีก่อนคริสต์ศักราช จนถึงคริสต์ศักราช 1969 ส่วนเล่มที่สอง Future เขียนอุทิศแด่“ผู้มีชีวิตอยู่เป็นคนสุดท้าย” เริ่มตั้งแต่คริสต์ศักราช 1993 จนถึงคริสต์ศักราช 1,001,992บางส่วนของหนังสือเล่มนี้ถูกอ่านออกเสียงในหลายสถานที่ทั่วโลก, ผลงาน The Ghost of Wang Na :การอ่านบทเพลงยาว พระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระปิ่นเกล้า ประกอบเพลงอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยเพลงเเละดนตรีนั้นเป็นภาษาสากล เเละมีความเป็นอกาลิโก ความงามของสุ้มเสียงเเละอักษรในอดีตเกิดขึ้น ตั้งอยู่เเละดับไป เสียงต่างๆยังคงให้อารมณ์แก่มนุษย์เเตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับรสนิยมเเละประสบการณ์ในการใช้ชีวิตและการสร้างสรรค์ผ้าม่านที่ใช้ในห้องมุขกระสันได้แรงบันดาลใจจากความเก่าแก่ของพื้นผิวอันเกิดจากความชื้นและความร้อน เป็นลวดลายที่แสดงสัจธรรมของวัสดุผ่านกาลเวลา และอื่นๆ เป็นต้น ดังนั้น แบบทดลองครั้งนี้เหมือนการเข้าถึงงานศิลปะร่วมสมัยมากกว่า จึงแตกต่างกับเข้าชมโบราณวัตถุและวัตถุศิลปะที่มีค่ายิ่งในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติทุกแห่ง ซึ่งล้วนแต่มีขาประจำเข้าชมกันอยู่เสมอ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี