ว่ากันว่า สมองของมนุษย์ไม่ต่างจากคอมพิวเตอร์ เมื่อใช้นานวันเข้าก็ยิ่งทำงานช้าลงและมีการเสื่อมถอยลงไปเรื่อยๆ แต่ที่เราไม่สามารถเปลี่ยนอะไหล่ของสมองชิ้นใหม่ได้ดังใจนึก บ่อยครั้งเราอาจมีพฤติกรรมที่ทำร้ายสมองอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อร่างกายแล้ว ยังเป็นสาเหตุให้โรคสมองเสื่อมเข้ามาใกล้เรามากยิ่งขึ้น เช่น การงดอาหารเช้าการบริโภคเกินพอดี การมีความเครียดตลอดเวลา เป็นต้น
การเริ่มต้นดูแลสมองของคุณด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ให้ครบมื้อ ครบหมู่ ในปริมาณที่เหมาะสมไม่มากหรือไม่น้อยจนเกินไป หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น และยังช่วยกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารเอนโดรฟินที่ทำให้จิตใจสบาย คลายความกังวล เสริมภูมิคุ้มกันทางอารมณ์ ด้วยการมองโลกในด้านบวก เพื่อช่วยหาทางออกให้กับปัญหาต่างๆ และสามารถเอาชนะความเครียดได้ดี ขณะเดียวกันควรให้สมองได้ผ่อนคลายด้วยการฟังเพลง หรือทำกิจกรรมที่ชอบ จัดสรรเวลาในการพักผ่อน เพื่อช่วยให้สมองปลอดโปร่ง สดชื่น สดใส พร้อมกับมีกระบวนการคิดและจดจำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อมูลจาก ผศ.ดร.เอกราช บำรุงพืชน์ประธานฝ่ายวิชาการ ชมรมโภชนวิทยามหิดล ในงานประชุมวิชาการสัญจรของสมาคมนักกำหนดอาหารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ยังมีความเข้าใจผิดว่าสมองของคนเราจะพัฒนาเฉพาะในช่วงวันเด็กแล้วก็หยุดอยู่แค่นั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วสมองของคนเรายังสามารถพัฒนาศักยภาพในการพัฒนาและเรียนรู้ได้ตลอดเวลาอย่างไร้ขีดจำกัด เพราะเส้นใยของสมองนั้นสร้างใหม่ได้ในทุกวัน ซึ่งศักยภาพของสมองประกอบด้วย 5 ด้าน ได้แก่ ด้านความจำ ด้านสมาธิในการจดจ่อ ด้านภาษา ด้านการวิเคราะห์สิ่งที่เห็น และด้านการตัดสินใจ ดังนั้นการส่งเสริมศักยภาพสมองจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับคนยุคดิจิทัลนี้
วิธีที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพสมองแบบ Brain exercise ด้านต่างๆ ทั้งด้านความจำ ด้านสมาธิในการจดจ่อ ด้านภาษาและด้านการวิเคราะห์สิ่งที่เห็น ทำได้ดังนี้
l ด้านความจำ ให้ลองฟังเพลงที่ไม่รู้จักแล้วหัดจำเนื้อเพลง หรือใช้มือที่ไม่ถนัดแปรงฟัน หรือแต่งตัวในที่มืด ซึ่งวิธีเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นระดับของอะซีทิสโคลีน (Acetylcholine) สารเคมีในสมองที่มีผลต่อการควบคุมความทรงจำและการเรียนรู้
l ด้านสมาธิในการจดจ่อ ให้ปรับเปลี่ยนรูปแบบกิจกรรมที่ทำในแต่ละวันหรือเปลี่ยนเส้นทางขับรถไปทำงาน หรือลองทำกิจกรรมใหม่ๆ เพิ่มขึ้นในแต่ละวัน ซึ่งจะช่วยปลุกเราจากความเคยชินเดิมๆ รวมทั้งกระตุ้นการทำงานที่หลากหลายให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม
l ด้านภาษา ลองอ่านหนังสือ หรือหนังสือพิมพ์ในเนื้อหาอื่นๆ ที่เราไม่ได้สนใจอ่านเป็นประจำ จะได้รู้จักคำใหม่ๆ และได้ฝึกเชื่อมโยงความหมาย และความเข้าใจในเนื้อหาที่อ่าน วิธีการนี้จะช่วยให้สมองของเรามีความสามารถในการจำแนก จดจำและเข้าใจคำต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
l ด้านการวิเคราะห์สิ่งที่เห็น ฝึกได้โดยลองจำสิ่งของที่อยู่ตรงหน้าสัก 5 ชิ้น และเมื่อเดินออกมาจากตรงนั้นให้ลองพยายามนึกถึงตำแหน่งของสิ่งของแต่ละชิ้นให้ได้ หรือถ้าง่ายไปก็ให้ลองทิ้งเวลาให้นานขึ้น และลองกลับไปนึกถึงตำแหน่งของสิ่งของต่างๆ อีกครั้ง วิธีนี้จะช่วยให้เราบังคับสมองให้ฝึกความสนใจกับองค์ประกอบและสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัว
การดูแลสุขภาพสมองแบบบูรณาการอย่างต่อเนื่องที่สำคัญคือการรับประทานอาหารให้หลากหลายครบทุกหมวดหมู่ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และรักษาสุขอนามัยเป็นประจำ นอกจากนี้อาหารฟังก์ชั่น เป็นเทรนด์ที่คนทั่วโลกให้ความสนใจ
สมาคมนักกำหนดอาหารของสหรัฐอเมริกา (ADA) ให้นิยามอาหารฟังก์ชั่นไว้ว่า อาหารที่คงไว้ซึ่งส่วนประกอบเดิมตามธรรมชาติ หรืออาหารที่มีการเติมแต่งสารอาหารให้มากขึ้น เพื่อการส่งเสริมสุขภาพ เมื่อบริโภคเป็นส่วนหนึ่งของอาหารในชีวิตประจำวัน ในปริมาณที่เพียงพอต่อสุขภาพ สำหรับอาหารฟังก์ชั่นที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพสมอง เช่น อาหารที่เป็นแหล่งของโพรไบโอติกส์ น้ำมันปลา ซุปไก่ เบอร์รี่ โสม และข้าวกล้องงอก เป็นต้น
น้ำมันปลา ในน้ำมันปลามี DHA หรือกรดไขมันชนิดหนึ่งที่จำเป็นต่อร่างกายของมนุษย์ที่อยู่ในกลุ่มของสารโอเมก้า 3 ที่ช่วยเสริมการทำงานของเซลล์สมอง ป้องกันสมองเสื่อม รวมทั้งช่วยบำรุงสายตา แต่การบริโภคน้ำมันปลา นอกจากนี้ยังมี EPA สูงมีประโยชน์ต่อระบบหัวใจและสมอง โดยมีส่วนช่วยยับยั้งการเกาะตัวของเกล็ดเลือดและลดไขมันในเลือดอีกด้วย
ซุปไก่ เป็นหนึ่งในอาหารฟังก์ชั่นที่ได้รับความนิยมมายาวนาน โดยเฉพาะในแถบเอเชียมีผลการวิจัยจากประเทศญี่ปุ่น เกี่ยวกับสารอาหารที่สำคัญต่อสุขภาพสมอง โดยระบุว่าสาระสำคัญในซุปไก่สกัดคือ ไบโอเปปไทด์อะมิโนคอมเพล็กซ์ที่พร้อมให้ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้ทันที ผลจากการทดลองพบว่า ซุปไก่สกัดช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของสมอง โดยช่วยให้เลือดนำออกซิเจนไปเลี้ยงสมองส่วนหน้า ซึ่งเป็นสมองส่วนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความจำ การคิดตัดสินใจได้ดีขึ้น
โสม มีสารออกฤทธิ์ที่สำคัญคือ สารจินเซนโนไซด์ ช่วยเสริมการทำงานของสารสื่อประสาท ให้สามารถเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างเซลล์ประสาทของระบบประสาทให้ทำงานได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ ปรับกระบวนการคิดและวิเคราะห์ข้อมูลให้มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ช่วยทำให้ระบบประสาทส่วนกลางตื่นตัวทำงานได้ดีขึ้น อีกทั้งช่วยคลายความปวดเมื่อย ซึ่งจะช่วยทำให้หลับสนิท
ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ มีสารแอนโทไซยานินนอกจากมีประโยชน์ด้านการบำรุงสายตาแล้ว มีการศึกษาวิจัยพบว่า ยังช่วยชะลอภาวะเสื่อมในผู้สูงอายุได้อีกด้วย ช่วยเรื่องความจำ และช่วยให้เซลล์สมองซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้เป็นอย่างดี
ข้าวกล้องงอก เป็นนวัตกรรมหนึ่งที่กำลังได้รับความสนใจเนื่องจากเป็นข้าวกล้องที่ต้องผ่านกระบวนการงอกตามปกติในข้าวกล้องจะมีสารอาหารจำนวนมาก ดังนั้นจึงเป็นอาหารฟังก์ชั่นที่มีสารอาหารที่ช่วยบำรุงสมองคือกาบา (GABA) ช่วยเพิ่มคลื่นสมองแบบอัลฟา ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ลดความตึงเครียดและความวิตกกังวล บำรุงสมอง และเพิ่มภูมิคุ้มกันอีกด้วย
จะเห็นว่าการดูแลและเพิ่มศักยภาพสมองเป็นเรื่องไม่ได้ยากเกินไป เพียงแค่ใส่ใจปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆ เท่านี้เราก็จะมีสุขภาพสมองที่ดีต่อไป
ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี