ทุกยุคทุกสมัยคนเราอยากมีสุขภาพดีและอายุยืนยาวพบว่าการมีสุขภาพดีเป็นรากฐานของการมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีอายุขัยที่ยืนยาว ปัจจุบันหลายคนจะไม่รอให้ป่วยเป็นโรคแล้วค่อยไป พบแพทย์เพื่อที่จะรักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆ แต่มักจะไปปรึกษาแพทย์ เพื่อที่จะทำอย่างไรจึงจะดูแลให้มีร่างกายที่อ่อนเยาว์กว่าวัยและมีความแข็งแรงเพียงพอที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้เนิ่นนานด้วยสุขภาพที่ดี
ข้อมูลจาก ผศ.นพ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ กรรมการบริหาร มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ เปิดเผยว่า ปัจจุบันนี้มี การแพทย์ที่ผสมผสานการดูแลสุขภาพแบบครบวงจร (Integrated Longevity Medicine) โดยตั้งแต่การคาดคะเนว่าจะเกิดโรคอะไรที่ทำให้มีผลต่อร่างกายและจิตใจ รวมทั้งการหาทางที่จะป้องกันไม่ให้โรคร้ายใดๆที่เกิดจากการเสื่อมชราก่อนวัยเกิดขึ้นเท่าที่สามารถจะกระทำได้โดยอาศัยศาสตร์แห่งการดูแลสุขภาพเพื่อการชะลอวัยและซ่อมแซมฟื้นฟูสมรรถภาพให้ดีขึ้นกว่าเดิม
ในการที่จะบูรณาการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ให้มีอายุที่ยืนยาวและมีสุขภาพดีนั้นเราไม่ได้ตั้งใจที่จะ ยืดอายุขัยเพียงอย่างเดียวแต่ตั้งใจที่จะยืดช่วงเวลาที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีให้ยืนยาวด้วย ซึ่งการจะบรรลุเป้าหมายนี้จำต้องอาศัยการเริ่มต้นที่ดีและถูกช่วงเวลาของชีวิต คือ ต้องเริ่มต้นดูแลสุขภาพแบบชะลอวัยแบบครบวงจรหรือบูรณาการ ควรตั้งแต่วัยเด็กหรืออย่างน้อยก็ต้องเริ่มต้นก่อนที่การเสื่อมชราจะเกิดขึ้น
ร่างกายของคนเรานั้นมีอวัยวะต่างๆที่ทำงานประสานสอดคล้องกัน ส่วนที่เล็กที่สุดของอวัยวะเราเรียกว่า “เซลล์” พบว่าเมื่อคนเราอายุมากกว่า 35 ปี การแบ่งเซลล์ใหม่จะลดลง เราจะมีเซลล์ใหม่มาทดแทนเซลล์เก่าที่เสื่อมสภาพไปตามเวลาน้อยลงและนั่นเป็นการเริ่มต้นของการแก่ชราตามวัย
ในแต่ละวันคนเราจะได้พลังงานจากอาหารและน้ำที่กินเข้าไปผสมกับออกซิเจนที่หายใจเข้าไปทำให้เกิดปฏิกิริยาที่เรียกว่า “ออกซิเดชั่น” เพื่อให้เกิดพลังงานในการดำเนินชีวิตประจำวัน ในการนี้จะเกิดของเสียจากการใช้พลังงานที่เรียกว่า “อนุมูลอิสระ” ที่จะทำให้เซลล์เนื้อเยื่อและอวัยวะต่างๆ เสื่อมก่อนวัยถ้าไม่ได้รับการกำจัดออกไป ซึ่งตามธรรมชาติในเวลาที่เรานอนหลับสนิทในความมืดนั้นจะเกิดการผลิตฮอร์โมนต่างๆ ออกมาเพื่อที่จะให้อวัยวะต่างๆทำงานได้เป็นปกติ โดยมีฮอร์โมนบางชนิดก็ทำหน้าที่เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระไปด้วย ในสภาพที่ร่างกายเป็นปกตินั้นระบบนี้ก็จะทำงานเพื่อป้องกันการแก่ชราของคนเราไม่ให้เกิดการแก่ชราก่อนวัย
เพื่อให้กระบวนการป้องกันการแก่ชรานี้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ เราจึงต้องมีวิธีการดำเนินชีวิตที่สอดคล้องกับธรรมชาติและสามารถป้องกันการแก่ชราตามกระบวนการต่างๆเหล่านี้ได้ ดังนี้
1.การกินอาหารที่ครบถ้วนทุกหมวดหมู่ คือกินให้หลากหลายครบถ้วน ไม่กินอาหารที่เค็มจัดและหวานจัด กินอาหารที่ให้พลังงานมากจำพวกแป้ง น้ำตาลและไขมันในตอนเช้า และกินอาหารที่มีส่วนซ่อมแซมและต่อต้านอนุมูลอิสระอันได้แก่ โปรตีนและพืชผัก ผลไม้สดที่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระในปริมาณที่สูงในตอนเย็น ให้กินอาหารแต่พออิ่มซึ่งแนวทางการจำกัดพลังงานจากอาหารนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมากแม้จะยังไม่มีการศึกษาวิจัยถึงประโยชน์โดยตรงในมนุษย์ แต่พบว่าในสัตว์ทดลองการจำกัดพลังงานจากอาหารที่บริโภคสามารถยืดอายุขัยออกไปได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แต่จำเป็นจะต้องได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างครบถ้วน
2.การออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ เพราะนอกจากจะช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกินและช่วยในการไหลเวียนของโลหิตแล้ว มีการศึกษาวิจัยพบว่าการออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อยวันละ 45 นาที จะช่วยกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนต่อต้านความแก่ชราที่เรียกว่า Growth Hormone อีกด้วย โดยในการออกกำลังกายรูปแบบนี้ควรที่จะออกวันเว้นวัน อย่างไรก็ตามในยุคปัจจุบันที่คนเราต้องทำงานหนักและหาเวลาออกกำลังกายยากนั้นก็พบว่า การออกกำลังกายในวันหยุดสุดสัปดาห์ วันละ 75 นาทีเป็นเวลา 2 วัน ในทุกสัปดาห์ ก็ให้ผลในการช่วยลดความดันโลหิตปริมาณของน้ำตาลสะสมในร่างกาย และไขมันส่วนเกินลงได้เช่นกัน นอกจากนี้มีการศึกษาวิจัยพบว่าการเดินเป็นเวลา 10 นาทีหลังจากกินอาหารทุกมื้อนั้นมีส่วนช่วยลดระดับของน้ำตาลในกระแสเลือดลง ซึ่งจะช่วยลดการอักเสบที่เกิดจากการเผาผลาญของน้ำตาลที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ และอาจจะมีผลทางอ้อมในการเพิ่มระดับของ Growth Hormone ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมที่จะป้องกันการแก่ชรา
3.การนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอ ตามหลักการนั้นฮอร์โมนต่างๆ ที่ร่วมมือกันต่อต้านการแก่ชราจะหลั่งในตอนกลางคืนขณะนอนหลับสนิทในความมืด โดยเริ่มผลิตประมาณเที่ยงคืนและจะหยุดการผลิตเมื่อแสงอาทิตย์ส่องมา การเข้านอนให้หลับสนิทก่อนเที่ยงคืน จึงเป็นรากฐานสำคัญของการชะลอวัย และควรจะมีการปรับปรุงสิ่งแวดล้อมภายนอกให้เอื้อต่อการนอนหลับสนิท และไม่มีคลื่นสัญญาณใดๆ ที่จะมารบกวนคลื่นสมองที่กำลังจะเข้าสู่โหมดของการพักผ่อนอย่างแท้จริง
4.การมีอารมณ์ที่แจ่มใสอยู่เสมอ โดยการฝึกคิดในทางบวก และการมองโลกในแง่ดีจะทำให้เกิดการหลั่งสารแห่งความสุขที่เรียกว่า “เอ็นโดฟินส์” ออกมาที่จะทำให้ระบบต่างๆของร่างกายทำงานได้เต็มที่รวมทั้งมีการผลิตฮอร์โมนต้านความชราและทำให้การย่อยอาหารสมบูรณ์มีผลทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารดีขึ้น
5.การดำรงชีวิตด้วยความรัก คนเรานั้นเมื่อมีความรักเป็นเครื่องชี้นำในชีวิตแล้วย่อมจะเกิดความเมตตา อยากให้คนที่เรารักมีความสุข จิตใจจะเปี่ยมไปด้วยความกรุณา อยากทำให้คนที่เรารักพ้นจากความทุกข์ มีความมุทิตา ยินดีเมื่อคนที่เรารักมีความสุขปราศจากความอิจฉาริษยา รวมทั้งมีความอุเบกขาหรือการวางเฉยในบางเรื่องบางราวและการยอมรับในความแตกต่างของมนุษยชาติทั้งทางความคิดและการกระทำ รวมทั้งเรียนรู้ที่จะปรับตัวเพื่อที่จะดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขด้วยรากฐานของความรักที่มีอยู่ในใจ
6.การต่อต้านความแก่ชราแบบเป็นวิทยาศาสตร์ โดยอาศัยความรู้ทางด้านการป้องกันการแก่ชราที่มีการศึกษาวิจัยและมีการยอมรับทางด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์แบบบูรณาการ ซึ่งจำเป็นที่จะต้องชะลอความชราของอวัยวะที่สำคัญของร่างกาย โดยเริ่มตั้งแต่ ดูแลหัวใจไม่ให้แก่ ต้องระวังคือ ภาวะความดันโลหิตสูงที่มักจะเกิดล่วงหน้าก่อนที่หลอดเลือดจะตีบตันและถ้ามีปัจจัยเสี่ยง เช่น ไขมันในเลือดสูง น้ำตาลในเลือดสูงหรือน้ำหนักเกินและเป็นโรคอ้วน รวมทั้งเป็นคนไม่ออกกำลังกายด้วยแล้วจะยิ่งมีโอกาสเกิดปัญหากล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้มาก การชะลอวัยกระดูก ด้วยการได้สารอาหารที่จำเป็น การออกกำลังกายที่มีการลงน้ำหนัก การตรวจหาระดับของฮฮร์โมนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง การงดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ กาเฟอีน และการงดสูบบุหรี่ การชะลอวัยสมอง ด้วยการฝึกสมองให้คิดในทางบวกรวมทั้งการทำ Brain Exercise ต่างๆ การได้รับสารอาหารที่จำเป็นและการออกกำลังกายอย่างถูกต้องสม่ำเสมอ เป็นต้น
การเริ่มต้นที่ดีเท่ากับสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง เริ่มต้นดูแลสุขภาพแบบชะลอวัยแบบบูรณาการตั้งแต่วันนี้ จะได้มีสุภาพที่ดีอยู่ไปกับเรานานนาน
ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี