สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงติดตามเรื่องดึกดำบรรพ์
ใครจะนึกว่าซากดึกดำบรรพ์ชิ้นเดียวที่มัดด้วยเส้นด้ายของพระครูวิจิตรสหัสคุณ เจ้าอาวาสวัดสักกะวัน ที่อำเภอสหัสขันธ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ นั้นจะนำไปสู่ภูมิความรู้เรื่องไดโนเสาร์ขนาดใหญ่ขึ้นในแผ่นดินไทย อาทิตย์นี้ได้ตามรอยภูมิสถานแหล่งดึกดำบรรพ์ไปกับคณะของนายสมหมาย เตชวาล อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี จากการที่ต่อยอดการสำรวจ ขุดค้นและความร่วมมือจากนักบรรพชีวินต่างประเทศ เมื่อ พ.ศ.๒๕๓๗ จนทำให้คณะสำรวจไดโนเสาร์จากกรมทรัพยากรธรณี ได้เริ่มการขุดค้นอย่างเป็นระบบ และพบว่าที่ภูกุ้มข้าวเป็นแหล่งไดโนเสาร์กินพืชที่สมบูรณ์ที่สุดของเมืองไทย
แหล่งขุดค้นไดโนเสาร์แห่งแรก
ในยุคดึกดำบรรพ์นั้นภูกุ้มข้าวเคยเป็นธารน้ำแข็งโบราณที่มีกลุ่มไดโนเสาร์อาศัยอยู่แถบนี้ เมื่อทีมสำรวจได้ลงมือขุดค้นก็พบกระดูกและซากดึกดำบรรพ์ของไดโนเสาร์เป็นจำนวนมากขึ้นที่นี่ ในปีพ.ศ.๒๕๓๘ และพบกระดูกไดโนเสาร์เกือบทั้งตัว กองรวมอยู่กับกระดูกไดโนเสาร์กินพืชอีกชนิดหนึ่ง กระดูกทั้งหมดอยู่ในชั้นหินที่วางตัวอยู่บนไหล่เขาของภูกุ่มข้าวซึ่งมีรูปร่างคล้ายลอมฟาง มีความสูงประมาณ ๒๔๐ เมตร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสนพระทัยและได้เสด็จฯมาทอดพระเนตรซากกระดูกไดโนเสาร์ในวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๓๘ และกรมทรัพยากรธรณีได้จัดตั้งโครงการพัฒนาพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูกุ้มข้าวขึ้นจนพัฒนาเป็นพิพิธภัณฑ์เฉพาะเรื่องขึ้น ซึ่งได้รับพระราชทานนามจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ว่า “พิพิธภัณฑ์สิรินธร” พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องราวไดโนเสาร์แบบครบวงจร ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ ซึ่งสามารถเรียนรู้ในเรื่องการกำเนิดโลกและจักรวาล กำเนิดสิ่งมีชีวิต มหายุคพาลิโอโซอิก มหายุควิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตโบราณ มหายุคมีโซโซอิก มหายุคแห่งสัตว์เลื้อยคลานและไดโนเสาร์ ไดโนเสาร์ที่พบในไทย วิถีชีวิตไดโนเสาร์ไทยการคืนชีวิตให้ไดโนเสาร์ มหายุคซีโนโลอิก มหายุคแห่งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เรื่องราวของมนุษย์ โดยมีบริการจัดค่ายเยาวชนคนสนใจไดโนเสาร์ด้วย
ตามรอยเท้าที่ภูแฝก
ในโอกาสที่พิพิธภัณฑ์สิรินธรครบ ๑๐ ปีนี้ นายสมหมาย เตชวาล อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี และนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ได้ร่วมกันจัดพื้นที่เปิดการเรียนรู้แบบรวมพลคนรักไดโนเสาร์จากจีน มองโกเลีย ลาวและไทย ระหว่างวันที่ ๒๙ พฤษภาคม-๒๓ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๖๒ พร้อมศึกษาวิจัยซากดึกดำบรรรพ์ของประเทศไทย ซึ่งได้รับการยอมรับจากนักวิจัยนานาชาติ ซึ่งมีมาตรฐานห้องปฏิบัติการและห้องคลังตัวอย่างที่สนับสนุนการศึกษาวิจัยดึกดำบรรพ์ ที่ทำให้พิพิธภัณฑ์สิรินธรได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวมากกว่า ๔ ครั้งดังนั้นการเปิดอุทยานโลกไดโนเสาร์เอเชียที่พิพิธภัณฑ์สิรินธร จังหวัดกาฬสินธุ์ ทำให้กิจกรรมเพื่อการเรียนรู้ FOSSIL BY SCIENCE & ARTและเส้นทางเที่ยว KALASIN TREASURE TOURที่สร้างกระบวนการเรียนรู้เพื่อเข้าทุกคนได้ผจญภัยและเข้าถึงข้อมูลความรู้ โดยบุคลากรที่มีความรู้เฉพาะเรื่อง และเดินตามเส้นทางการสำรวจขุดค้นในแอ่งโลกดึกดำบรรพ์ที่เคยเป็นแหล่งดึกดำบรรพ์ยุคจูราสสิก เมื่อ ๑๔๐-๑๕๐ ล้านปี ในแหล่งขุดค้นที่ภูน้อย ซึ่งกำลังปฏิบัติการอยู่ และป่าไม้ ซึ่งพบต้นไม้กลายเป็นหินจำนวนมากที่ภูปอ เรียนรู้จากการก้าวเดินของรอยเท้าไดโนเสาร์บนแผ่นดินใต้ลำธาร เป็นต้น ซึ่งระหว่างการเดินทางนั้นตลอดระยะทางมีแหล่งวิถีชุมชนในมิติพหุวัฒนธรรมให้ได้เรียนรู้ไปพร้อมกัน เช่น ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมผู้ไทยเฉลิมพระเกียรติ ๖๐ พรรษากลุ่มทอผ้าไหมแพรวาบ้านโพน กลุ่มทอผ้าไหมบ้านดินจี่กลุ่มทอผ้าย้อมครามบ้านโพนแพง และตุ๊กตาดินเผาบ้านใหม่ชัยมงคล พร้อมอาหารรสชาติพื้นเมือง การรวมพลคนรักไดโนเสาร์และคนท่องเที่ยวแบบผจญภัยครั้งนี้สะท้อนให้เห็นความมานะอุตสาหะกับการสำรวจ ขุดค้นเรื่องราวไดโนเสาร์จากซากดึกดำบรรพ์ชิ้นเดียวจนสามารถหาเรื่องราวของสัตว์ขนาดใหญ่ที่เราเรียกว่าไดโนเสาร์ได้นั้นต้องเรียกว่าเป็นงานยาก งานหินไม่ธรรมดา ทุกชิ้นงานของซากดึกดำบรรพ์เป็นสมบัติของแผ่นดินและของโลก เมื่อพบว่ามีไดโนเสาร์สายพันธุ์ไทยเกิดขึ้นครั้งใด ชื่อเสียงของประเทศไทยก็เป็นที่รับรู้และยอมรับในวงการบรรพชีวิตมากขึ้น เรื่องนี้ต้องขอบคุณเด็กนักเรียนและชาวบ้านธรรมดา ผู้ค้นพบจนนำมาสู่วิทยาการระดับโลก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี