วันพุธ ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2568
หากย้อนกลับมามองประเทศไทยในฐานะประเทศผู้ใช้เทคโนโลยี อาจต้องรอจนถึงประมาณปี 2565 - 2566 จึงน่าจะมีการใช้งาน 5G ได้ในเชิงพาณิชย์โดยทั่วไป
เทคโนโลยี 5G ที่กำลังจะเกิดขึ้น ส่งผลให้ความต้องการคลื่นความถี่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากการใช้งานข้อมูล (Traffic) มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยในปัจจุบันย่านความถี่ที่รองรับเทคโนโลยี 5G มีทั้งย่านความถี่ต่ำกว่า 1 GHz (Low Band) เป็นย่านความถี่เพื่อรองรับความครอบคลุมของสัญญาณเป็นบริเวณกว้าง ย่านความถี่ระหว่าง 1 GHzถึง 6 GHz (Mid Band) เป็นย่านความถี่เพื่อรองรับความจุของโครงข่าย (Capacity) และย่านความถี่สูงกว่า24 GHz เป็นย่านความถี่ mmWave โดยเน้นการใช้งานในพื้นที่ที่มีปริมาณการใช้งานสูงหรือมีความต้องการอัตราข้อมูลที่สูง

นอกจากนี้เทคโนโลยี 5G ได้ถูกคาดการณ์ว่าจะสามารถสร้างผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจมากมาย เช่น การนำมาประยุกต์ใช้กับ Internet of Things (IoT) ในรูปแบบของสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) เพื่อลดปัญหาข้อขัดแย้ง และความผิดพลาดของมนุษย์ โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในประเทศไทยปี 2563 และจะใช้งานอย่างแพร่หลายภายใน 15 ปี
ผลดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจในประเทศไทยปี 2578 มีผลประโยชน์โดยรวม 2.3 ล้านล้านบาท ถึง 5 ล้านล้านบาท ผ่านการสร้างมูลค่าเพิ่มในอุตสาหกรรมการผลิต ภาคโทรคมนาคม ระบบสาธารณูปโภค และการขนส่งเป็นหลัก

เทคโนโลยี 5G ถือเป็นเทคโนโลยีที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ โดย ITU ในฐานะหน่วยงานที่เป็นผู้กำหนดมาตรฐานอย่างเป็นทางการของเทคโนโลยี 5G คาดว่ามาตรฐานของเทคโนโลยี 5G น่าจะสามารถกำหนดได้อย่างเป็นทางการในปี 2563 หรืออีกประมาณ 2 ปีข้างหน้า
ในปัจจุบันหลายประเทศได้กำลังศึกษาวิจัยการใช้คลื่นความถี่และเทคโนโลยี 5G โดยมีผู้ให้บริการบางรายในประเทศสหรัฐอเมริกา เช่น AT&T, Sprint และVerizon ได้ทดลองการใช้เทคโนโลยี 5G ในย่านความถี่ mmWave ก่อนที่การจัดสรรคลื่น 24 GHz และ 28 GHz จะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2561

เช่นเดียวกับประเทศญี่ปุ่นที่ได้มีการศึกษาและทดลองใช้ เพื่อนำเทคโนโลยี 5G มาใช้ในงานโอลิมปิกที่จะมีขึ้น ณ กรุงโตเกียว ในปี 2563 และจีนที่ได้มีการทดลองใช้เทคโนโลยี 5G ย่านความถี่ C-Band ในเมืองต่างๆตั้งแต่ในปี 2559 ก่อนที่จะมีการจัดสรรคลื่นความถี่
ในขณะที่บางประเทศเริ่มมีการจัดสรรคลื่นความถี่ที่จะนำไปใช้กับเทคโนโลยีนี้ เพื่อที่จะสามารถนำเทคโนโลยี 5G มาใช้จริงในปี 2563 ดังเช่น สหราชอาณาจักร ได้จัดประมูลคลื่นความถี่ย่าน 3.4 GHz เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2561 จำนวน 150 MHz โดยแบ่งเป็น 30 ช่วงคลื่นความถี่ ช่วงละ 5 MHz ระยะเวลาการอนุญาตขั้นต่ำ 20 ปีซึ่งมีราคาคลื่นรวม 1.4 พันล้านปอนด์ หรือประมาณ6 หมื่นล้านบาท โดยผู้ชนะการประมูล ได้แก่ Vodafone, O2, EE และ Three

ประเทศเกาหลี หลังจากการทดลองใช้งานเทคโนโลยี5G ในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว ณ เมืองพยองชางก็ได้จัดการประมูลคลื่นความถี่ย่าน 3.5 GHz (3.42 - 3.7 GHz)จำนวน 280 MHz และความถี่ย่าน 28 GHz (26.5 -28.9 GHz) จำนวน 2400 MHz เมื่อเดือนมิถุนายน 2561 โดยมีราคาคลื่นรวมทั้งหมด 3.6 ล้านล้านวอน หรือประมาณ1 แสนล้านบาท ซึ่งคลื่นความถี่ทั้งหมดได้ถูกจัดสรรให้กับผู้ชนะการประมูล 3 ราย ซึ่งเป็นผู้ให้บริการกิจการโทรคมนาคมรายหลักภายในประเทศ ได้แก่ SKT, KT และ LGU+
เป็นที่น่าสนใจว่าผู้พัฒนาเทคโนโลยี 5G ในประเทศต่างๆ ยังคงต้องประสบปัญหาในการทดลองทดสอบ และยังไม่สามารถเปิดให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 5G ในเชิงพาณิชย์ได้ ประกอบกับในปัจจุบันคลื่นความถี่ที่นำไปใช้กับเทคโนโลยี 3G และ 4G มีอยู่อย่างจำกัด จึงจำเป็นต้องได้รับการจัดสรรคลื่นความถี่ในย่านความถี่สูงเพิ่มเติม

ทั้งนี้ หากย้อนกลับมามองประเทศไทยในฐานะประเทศผู้ใช้เทคโนโลยี อาจต้องรอจนถึงประมาณปี 2565 -2566 จึงน่าจะมีการใช้งาน 5G ได้ในเชิงพาณิชย์โดยทั่วไป พร้อมกับการจัดสรรคลื่นความถี่ย่านความถี่สูงเพื่อให้การให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 5G เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี