นักโบราณคดีใต้น้ำอาเซียน
การเริ่มต้นงานโบราณคดีใต้น้ำของกรมศิลปากร หลังจากงานโบราณคดีใต้น้ำครั้งแรกของประเทศไทยเกิดขึ้นที่อ่าวสัตหีบ จังหวัดชลบุรี จากชาวประมงพบซากเรือโบราณรวมทั้งเครื่องถ้วยสังคโลกจำนวนมากจมอยู่ในร่องน้ำลึกใกล้เกาะคราม เมื่อพ.ศ.๒๕๑๗ นั้น ได้ทำให้มีการดำเนินการอย่างจริงจังจากการสนับสนุนของกองทัพเรือเมื่อปีพ.ศ.๒๕๑๘ และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลประเทศเดนมาร์ก ส่งผู้เชี่ยวชาญทางโบราณคดีใต้น้ำมาช่วยแนะนำการปฏิบัติงานและร่วมการปฏิบัติงานโบราณคดีใต้น้ำในประเทศไทยปี พ.ศ.๒๕๒๐ นั้นจน รัฐบาลไทยได้อนุมัติให้กรมศิลปากรจัดโครงการโบราณคดีใต้น้ำขึ้น และมีศูนย์จัดการฝึกอบรมหลักสูตรโบราณคดีใต้น้ำระดับต่างๆ ด้วยเหตุที่ไทยนั้นมีศักยภาพด้านโบราณคดีใต้น้ำที่ทันสมัยในภูมิภาคอาเซียนมาแต่แรก ยูเนสโกจึงให้การดูแลโครงการ โดยมีรัฐบาลนอร์เวย์สนับสนุนการจัดฝึกอบรมการดำน้ำและค้นหาโบราณวัตถุใต้ท้องทะเล จัดหาวัสดุอุปกรณ์ จนสามารถจัดตั้งเป็นศูนย์ตามอนุสัญญามรดกทางวัฒนธรรมใต้น้ำ ในที่สุดกรมศิลปากรจึงตั้งกองโบราณคดีใต้น้ำขึ้น ดำเนินการงานนี้ขึ้นโดยมีศูนย์ปฏิบัติการโบราณคดีใต้น้ำแห่งภูมิภาคอาเซียนที่สามารถฝึกอบรมบุคลากร และมีอุปกรณ์ที่ทันสมัยที่สุดในอาเซียน
การกู้รักษาโบราณวัตถุใต้ทะเล
หลังจากมีการประชุมเชิงปฏิบัติการนานาชาติ เช่น เมื่อวันที่ ๑-๑๘ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๙ เรื่อง “การสำรวจกู้แหล่งโบราณคดี” (Alternative Solution and Extended Frontier) แล้วยังมีการฝึกอบรมด้านโบราณคดีใต้น้ำระดับภูมิภาคอาเซียน เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างนักโบราณคดีใต้น้ำและสร้างเครือข่ายการปฏิบัติงานในกลุ่มประเทศภาคีสมาชิกอาเซียนมาอย่างต่อเนื่อง หลังสุดเมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๒ ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมโบราณคดีใต้น้ำอาเซียนว่าด้วย เรื่องการคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมใต้น้ำและความร่วมมือทางโบราณคดีใต้น้ำอาเซียน (Underwater Cultural Heritage Protection and the Possibilityand Feasibility Study for the creation of an ASEANUnderwater Archaeology Association) ขึ้นมีนักโบราณคดีจากกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน และประเทศติมอร์ตะวันออกมาร่วมประชุม ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ถนนเจ้าฟ้า กรุงเทพฯ การประชุมครั้งนี้ถือว่ามีความสำคัญยิ่งต่อการรับรู้ร่วมกันว่ามรดกทางวัฒนธรรมใต้น้ำนั้นได้เผชิญกับความเสี่ยงอยู่หลายด้าน หากยังมีการกระทำที่ขาดจิตสำนึก และทำผิดกฎหมายในรูปแบบต่างๆ แล้วย่อมทำให้แหล่งโบราณคดีใต้น้ำหลายแห่งในอาเซียนได้รับความเสียหายหรือถูกทำลายไปอย่างน่าเป็นห่วง ด้วยพบว่าหลักฐานในแต่ลำแห่งนั้น ทำให้เห็นการเชื่อมโยงติดต่อแลกเปลี่ยนทางการค้าและวัฒนธรรมทางทะเล ในระดับภูมิภาคอาเซียนมากขึ้นและสามารถเชื่อมต่อเส้นทางการค้าระดับโลกด้วย
สำรวจแหล่งเรือจมเกาะคราม
ดังนั้นการนำเสนองานโบราณคดีแต่ละประเทศจากนักโบราณคดีผู้ปฏิบัติงานจึงนำไปสู่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้และถ่ายทอดความรู้จากประสบการณ์ที่แตกต่างกันแต่ละประเทศจนเป็นองค์ความรู้ ทำให้การรับรู้ถึงปัญหา อุปสรรค เพื่อนำข้อมูลและวิธีการมาใช้หาแนวทางหรือวางกฎเกณฑ์ในการแก้ปัญหาดังกล่าวร่วมกัน ซึ่งนักโบราณคดีใต้น้ำแต่ละประเทศต่างมีความเห็นว่าควรมีการตั้งองค์กรความร่วมมือระหว่างชาติสมาชิกอาเซียน เพื่อร่วมกันป้องกันความเสี่ยงจากการทำลายแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมใต้น้ำต่อไป ตลอดจนนำไปสู่เวทีองค์ความรู้โบราณคดีใต้น้ำให้สมาชิกอาเซียนแต่ละประเทศรายงานสถานการณ์และความก้าวหน้าด้านโบราณคดีใต้น้ำ และการคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมใต้น้ำของประเทศในกลุ่มสมาชิกอาเซียน โดยมีผู้แทนหน่วยงานที่มีบทบาทและหน้าที่ด้านการศึกษาวิจัยและคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมใต้น้ำจากกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน ได้แก่ กัมพูชา ไทย เมียนมา ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ลาว เวียดนาม สิงคโปร์ บรูไน อินโดนีเซีย และผู้แทนจากประเทศติมอร์ตะวันออก ซึ่งเป็นมิติความร่วมมือที่เกิดการทำงานร่วมกันโดยเริ่มต้นจากมดงานตัวเล็กๆ ที่ดำใต้น้ำใต้สมุทร เพื่อเรียนรู้และทำงานให้เกิดประโยชน์ทางด้านโบราณคดีใต้น้ำและการคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมในอนาคตของภูมิภาคอาเซียนด้วยกัน
การใช้อุปกรณ์ใต้น้ำ
แผนที่การค้าทางทะเลอาเซียน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี