กำแพงเมืองร้อยเอ็ด
ด้วยเหตุที่กำแพงเมือง-คูเมืองนั้นเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินและเป็นที่ราชพัสดุที่กรมธนารักษ์มีหน้าที่สำรวจเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นที่ราชพัสดุนั้น ล้วนเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์และร่องรอยของการตั้งถิ่นฐานของชุมชน ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๓๙-๒๕๖๑ ซึ่งได้มีการสำรวจและให้การรับรองขอบเขตที่ดินกำแพงเมือง-คูเมืองแล้วจำนวน ๒๔๖ แห่ง ครั้งนี้ได้ตามรอยไปกับกรมธนารักษ์ โดยอธิบดีอำนวย ปรีมนวงศ์ได้ให้ความสำคัญในการพิจารณาคัดเลือกพื้นที่ที่มีสภาพทางกายภาพที่มีความเหมาะสม และมีศักยภาพในการพัฒนาฟื้นฟูและบูรณะ ซึ่งมีการบันทึกความร่วมมือการอนุรักษ์กำแพงเมือง-คูเมืองร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการดำเนินการอนุรักษ์กำแพงเมือง-คูเมืองขึ้นที่เมืองร้อยเอ็ด เพื่ออนุรักษ์และใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน พร้อมได้จัดทำแผนบริหารที่ราชพัสดุ เป้าหมาย ๕ ปี (ปีพ.ศ.๒๕๕๙-๒๕๖๓) ให้มีการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมไทยให้เป็นมรดกของชาติ และศูนย์การเรียนรู้สืบสานวัฒนธรรมชุมชนภายใต้นโยบายรัฐบาลและกระทรวงการคลังในการรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร ซึ่งได้มีการประกาศเขตพื้นที่เมืองเก่าแล้วจำนวน ๒๓ เมือง โดยจัดทำป้ายสื่อความหมาย (Interpretation Sign) เพื่อเผยแพร่และเป็นการรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้ประชาขนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติใน ๘ แห่ง หนึ่งนั้นคือ เมืองร้อยเอ็ด ซึ่งมีการจัดการเสวนา “กำแพงเมือง-คูเมืองสัญจร ณ เมืองร้อยเอ็ด” ขึ้นเมื่อวันที่ ๑๖-๑๗ สิงหาคมที่ผ่านมา เป็นโครงการนำร่อง ในการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ภารกิจการอนุรักษ์และเผยแพร่ความรู้เรื่องกำแพงเมือง-คูเมือง ซึ่งปัจจุบันประสบปัญหาการบูรณาการด้านการพัฒนาผังเมือง ปัญหาการบุกรุกและเสื่อมสภาพ การขาดการบูรณาด้านกฎหมาย รวมถึงการบริหารจัดการ และกำกับดูแลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการนำเสนอเรื่องราวการเรียนรู้ด้านประวัติศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรมและแนวทางการอนุรักษ์ สืบสานต่อยอดให้เกิดคุณค่าอย่างยั่งยืนต่อไป โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ คือ ศ.ธงทอง จันทรางศุ, ดร.สุดสันต์ สุทธิพิศาล, พลาดิศัย สิทธิธัญกิจ, ธีรพันธ์ จันทรเจริญ, ดร.วิศปัตย์ ชัยช่วย, และบรรจง โฆษิตจิรนันท์ นายกเทศมนตรีเมืองร้อยเอ็ด โดยมีผู้รับผิดชอบจากกรมธนารักษ์ประสานงานการจัดนำร่องครั้งนี้ ขอขอบคุณ ดร.นันท์ธีมา สุวรรณเมธานักวิชาการเผยแพร่ชำนาญการ สำนักทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดิน, ประภพ อนันตกุล และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ทำให้งานนี้เห็นแนวทางการดำเนินงานในแห่งอื่นต่อไป
คณะความร่วมมือจากทุกฝ่าย
จังหวัดร้อยเอ็ดเป็นเมืองโบราณเดิมมีชื่อเรียกในตำนานว่า “เมืองสาเกตนคร” ลักษณะผังเมืองเป็นผังเมืองสมัยทวารวดีและสมัยขอม ซึ่งมีคูเมืองอยู่ด้านนอกและกำแพงเมืองเป็นคันดินอยู่ด้านใน โดยกำแพงเมือง-คูเมืองร้อยเอ็ด ถือเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์หรือสถาปัตยกรรมที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ศิลปะ และโบราณคดี ที่ยังคงหลักฐานทั้งกายภาพที่บ่งบอกถึงลักษณะอันเด่นชัดของโครงการเมืองหรือโบราณสถาน และยังสะท้อนให้เห็นถึงอัตลักษณ์ของวัฒนธรรมท้องถิ่น ซึ่งจังหวัดร้อยเอ็ดมีแนวทางในการบริหารจัดการพื้นที่บริเวณดังกล่าวให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์กับประชาชนทั่วไป โดยการบูรณาการกับทุกภาคส่วนในพื้นที่เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนให้สมกับเป็นเมือง “สิบเอ็ดประตูเมืองงาม-เรืองนามพระสูงใหญ่ผ้าไหมสาเกต-บุญผะเหวดประเพณี-มหาเจดีย์ชัยมงคล-งามน่ายลบึงพลาญชัย-เขตกว้างไกลทุ่งกุลาโลกลือชาข้าวหอมมะลิ” ซึ่งเมืองร้อยเอ็ดแห่งนี้นับเป็นภูมิบ้าน ๓ มิเมืองโบราณ ที่ตั้งอยู่ตอนกลางของภาคอีสาน ในลุ่มน้ำชี น้ำมูลมีความเจริญรุ่งเรืองมากในยุคประวัติศาสตร์ และมีความหลากหลายทางด้านศาสนา และวัฒนธรรม ด้วยเป็นดินแดนแห่งนี้ที่มีเรื่องราวของเมืองมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ยุคทวารวดียุคขอมโบราณ และกรุงรัตนโกสินทร์ ที่ต้องมีการศึกษาเรียนรู้ถอดบทเรียนกันใหม่ให้ทุกคนเห็นประโยชน์จากแผ่นดิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี