ขบวนพยุหยาตราทางน้ำสมัยอยุธยา
สืบเนื่องจากการที่ชาวไทยได้ชื่นชมพระบารมีจากการเสด็จเลียบพระนครในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกทั้งสองวาระ ซึ่งมีการจัดขบวนพยุหยาตราทางสถลมารค และพยุหยาตราทางชลมารคนั้น จึงขอถอดบทเรียนเรื่องกระบวนการจัดทัพแบบโบราณ จากตำราพิชัยสงคราม ซึ่งเป็นต้นตำราว่าด้วยวิธีการเอาชนะข้าศึกในสงครามซึ่งนักปราชญ์ทางทหารสมัยโบราณ ได้แต่งขึ้นจากประสบการณ์ และจากการทดลอง เพื่อให้แม่ทัพนายกองใช้ศึกษา และเป็นคู่มือในการอำนวยการรบให้หน่วยทหารมีชัยชนะแก่ข้าศึก ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับกลยุทธ์ ยุทธศาสตร์ยุทธวิธีการรบต่างๆ ทั้งการรุก การตั้งรับ การแปรขบวนทัพการวางกลอุบายทำลายข้าศึก เป็นต้น แม้ว่าจะมีความเชื่อทางด้านโหราศาสตร์มาประกอบอยู่หลายประการ เช่น การดูฤกษ์ยามในการเคลื่อนทัพ การทำพิธีข่มขวัญข้าศึกและบำรุงขวัญฝ่ายตน เป็นต้นก็ตาม นับเป็นภูมิปัญญายุทธสงครามที่มุ่งแต่ความมีชัยชนะ และทำให้มีการขยายอาณาจักรให้แผ่ไพศาลขึ้นในสมัยอยุธยา กรุงธนบุรีและรัตนโกสินทร์ตอนต้น การจัดขบวนพยุหยาตราแห่งสมเด็จกษัตริยาธิราชตามตำราพิชัยสงครามจึงมีความสำคัญ ดังนั้นในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกและพระราชพิธีสำคัญแต่โบราณ จึงมีแบบแผนการจัดกระบวนทัพทางบกและขบวนทัพทางน้ำอย่างโบราณนั้นมาประกอบในพระราชพิธีเพื่อแสดงแสนยานุภาพแห่งสมเด็จพระมหากษัตริยาธิราชในฐานะจอมทัพ เป็นการเฉลิมพระเกียรติยศปรากฏแก่ปวงอาณาประชาราษฎร์ได้ชื่นชมพระบารมีอันเป็นพระบรมเดชานุภาพยิ่งแล้ว
การจัดกระบวนทัพแบบโบราณ
ตำราพิชัยสงครามที่มีชื่อเสียงระดับโลกนั้น คือ ตำราพิชัยสงครามของซุนวู แต่งขึ้นเมื่อประมาณ ๖๐๐ ปีก่อนคริสตกาลหรือกว่า ๒,๖๑๙ ปี ในสมัยที่จีนนั้นอยู่ในยุคการสู้รบตั้งรัฐ ซึ่งมี หนังสือพงศาวดารจีนสำคัญหลายเล่มที่สังคมไทยอ่านและรู้จักกันดีถึงการเรียนรู้เรื่องการรบและการใช้กลอุบายในสงครามชิงเมือง เช่น สามก๊ก
ไซ่ฮั่น ซ๋องกั๋ง นั้น นับว่าเป็นวรรณกรรมที่สอดแทรกความตำราพิชัยสงครามไว้ด้วย ส่วนตำราพิชัยสงครามของไทยนั้นมีความปรากฏในพระราชพงศาวดารครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ. ๒๐๔๑ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ กษัตริย์กรุงศรีอยุธยาได้โปรดเกล้าฯ ให้มีการชำระและรวบรวมตำราพิชัยสงครามต่างๆ ขึ้นเป็นฉบับหลวงครั้งแรก และต่อมาได้มีการปรับปรุงตำราพิชัยสงครามในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อใช้ในสงครามยุคนั้น หลังสุด พ.ศ. ๒๓๑๐ เมื่อกรุงศรีอยุธยาแตกก็ปรากฏว่าตำราพิชัยสงครามนั้นได้กระจัดกระจายหายสูญไปจำนวนมากคงเหลืออยู่แต่ฉบับที่มีผู้คัดลอกไว้บ้างเพียงบางตอนไม่ครบและมีการแต่งเพิ่มเติมใหม่ ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นได้มีการคัดลอกตำราพิชัยสงครามฉบับปลีกที่ยังเหลืออยู่หลายสิบเล่มสมุดไทยเพื่อรักษาฉบับไว้ไม่ให้สาบสูญ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๔๑ สมัยรัชกาลที่ ๑ ได้มีการแปลตำราพิชัยสงครามของพม่านั้นเป็นภาษาไทยด้วย จนถึงปีพ.ศ. ๒๓๖๘ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ได้โปรดเกล้าฯให้มีการชำระตำราพิชัยสงครามให้สมบูรณ์ โดยเชิญพระตำรับพิชัยสงครามฉบับข้างที่(ฉบับหลวง) มาสอบสวนชำระ ๑๔ เล่มสมุดไทยเมื่อชำระเสร็จแล้วได้คัดลงสมุดไทยจำนวน ๒ ชุด รวม ๑๐ เล่มสมุดไทย นับเป็นตำราพิชัยสงครามฉบับสุดท้ายที่ชำระอย่างสมบูรณ์ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ต่อมาสมัยหลังนั้นเมื่อกองทัพไทยปรับรูปแบบกองทัพตามอย่างชาติตะวันตก ตำราพิชัยสงครามแบบโบราณจึงลดความสำคัญลง ด้วยสมัยรัชกาลที่ ๕ นั้นได้มีการปฏิรูปกองทัพไทยให้ทันสมัยจึงเปลี่ยนไปใช้ตำรายุทธศาสตร์แบบตะวันตกซึ่งทันสมัยกว่าแทน เป็นเหตุให้ตำราพิชัยสงครามที่มีผู้รักษาไว้นั้นกลับมามอบให้หรือขายให้หอสมุดแห่งชาติเป็นจำนวนมาก ตามบัญชีนั้นมีอยู่ ๒๑๙ เล่ม ส่วนมากเป็นคำร้อยกรองแบบฉันท์ โคลง กลอน และร่ายบ้าง แต่งเป็นคำร้อยแก้วบ้าง และเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้มีการค้นพบตำราพิชัยสงครามสมัยกรุงธนบุรีในสภาพสมบูรณ์อีกจำนวน ๕ เล่ม ที่จังหวัดเพชรบูรณ์
เนื้อหาในตำราพิชัยสงครามของไทยโบราณแบ่งออกเป็น ๓ ส่วน ได้แก่ ๑.เหตุแห่งสงคราม ๒.อุบายสงคราม ๓.ยุทธศาสตร์และยุทธวิธี นอกจากนี้ยังมีเนื้อหาเกี่ยวกับความเชื่อทางด้านโหราศาสตร์และไสยศาสตร์ด้วยและมีมาตั้งแต่สมัยโบราณโดยเฉพาะสมัยอยุธยาตอนปลายนั้นเชื่อในเรื่องดังกล่าวมาก ดังนั้นขบวนพยุหยาตราของกองทัพทุกครั้งจึงเป็นกฤษดาภินิหารแห่งจอมทัพไทยที่มิอาจบดบังความศักดิ์สิทธิ์นั้นได้เลย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี